วัดหิรัญญาราม “วังตะโก” หรือ วัดหลวงพ่อเงินบางคลาน แหล่งท่องเที่ยวสำคัญตามคำขวัญของจังหวัดพิจิตร วันนี้กลายเป็นพื้นที่ความขัดแย้งของกลุ่มผู้ต้องการผลประโยชน์ภายในวัด รวมตัวซ่องสุมเป็นอันธพาลเข้ายึดพื้นที่ภายในวัดเหิมเกริมถึงขนาดห้ามรักษาการเจ้าอาวาสและกรรมการวัดรวมถึงคนงานของวัดที่เป็นฝ่ายตรงข้ามห้ามเข้ามาในวัดบางคลานรวมถึงนักท่องเที่ยวก็เอือมระอาเหตุวุ่นวายส่งผลการท่องเที่ยวเมืองชาละวันพังย่อยยับสาธุชนแปลกใจทำไมผู้รักษากฎหมายและฝ่ายบ้านเมืองจึงปล่อยปะละเลยให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้
วันที่ (13 ก.พ.65 ) วัดหิรัญญาราม “วังตะโก” หรือที่รู้จักและเรียกกันว่า วัดหลวงพ่อเงินบางคลาน ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นที่ประดิษฐานขององค์หลวงพ่อเงินพระเกจิอาจารย์ชื่อดังที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติไฝ่ฝันที่จะมากราบไหว้ขอพรและบูชาวัตถุมงคล วันนี้พื้นที่ดังกล่าวกลายเป็นพื้นที่แห่งความวุ่นวาย สาเหตุสืบเนื่องจากเมื่อปี 2557 คณะสงฆ์และพระผู้ใหญ่ได้สั่งปลดอดีตเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อเงินบางคลานเนื่องจากพบความผิดในหลายประเด็นและเป็นคดีขึ้นโรงขึ้นศาล จากนั้นคณะสงฆ์และพระผู้ใหญ่ได้มีคำสั่งแต่งตั้ง พระครูพิสุทธิวรากร เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม หรือ วัดหลวงพ่อเงินบางคลาน แต่ปรากฏว่าฝ่ายลูกศิษย์ของอดีตเจ้าอาวาสและกลุ่มผู้เคยมีอำนาจ-เคยมีผลประโยชน์ภายในวัดกลับรวมตัวกันคัดค้านและประกาศจุดยืนขับไล่รักษาการเจ้าอาวาสวัดบางคลาน
โดยรวมกลุ่มกันประมาณ 30-40 คน ปักหลักอยู่ใต้กุฏิซึ่งเป็นศาลาไม้ของอดีตเจ้าอาวาส แต่ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2565 พฤติการณ์แสดงความรุนแรงมากขึ้นถึงขั้นปิดประตูทางเข้า-ออก ของวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน โดยฝ่ายรักษาการเจ้าอาวาสก็ได้ไปแจ้งความและขอคำสั่งศาลโดยให้สำนักงานบังคับคดีและตำรวจนำคำสั่งศาลมาแจ้งให้ผู้ชุมนุมเปิดประตู ซึ่งในคราวนั้นก็ยอมเปิดประตูตามคำสั่งศาล แต่ต่อมาได้ไม่กี่วันก็เปลี่ยนตัวแกนนำกลุ่มและมาดำเนินการก่อความวุ่นวายมีพฤติกรรมไม่ต่างกับอันธพาลเหิมเกริมโดยไม่เกรงกลัวกฎหมายและไม่เคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัด โดยในช่วง 7-10 วันที่ผ่านมาก็ปิดกั้นคนนอกที่เป็นฝ่ายรักษาการเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อเงินบางคลานห้ามเข้าภายในวัด เมื่อมีนักท่องเที่ยวโดยสารรถบัส รถทัวร์ มามนัสการหลวงพ่อเงิน จะให้จอดรถนอกวัดแล้วให้นักท่องเที่ยวเดินตากแดด เข้าไปมนัสการหลวงพ่อเงินด้วยสภาพอิดโรย เพลียแดด เหงื่อไหลท่วมตัว ก่อให้เกิดความเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งทำตัวเหมือนเป็นมาเฟียเข้ายึดวัดทั้งที่ไม่มีอำนาจ และขัดต่อธรรมเนียมวัดที่รถบัสสามารถเข้าส่งนักท่องเที่ยวถึงภายในวัดได้
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2565 พระครูพิสุทธิวรากร ซึ่งเป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม หรือ วัดหลวงพ่อเงินบางคลาน จะเข้ามาในวัดเพื่อปฏิบัติกิจของสงฆ์และเข้ามาตรวจทรัพย์สินภายในวัดก็ต้องขอกำลังจากหน่วยปฎิบัติการพิเศษ หรือ ตำรวจ นปพ.จากกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดพิจิตร นำกำลังมาคุ้มกัน ซึ่งขณะเข้ามาในวัดพวก มีกลุ่มอันธพาลที่ทำตัวเหมือนกลุ่มมาเฟียก็มิได้ยำเกรงกำลังตำรวจ นปพ. ต่างตะโกนด่าและใช้คำหยาบคายด่าทอรักษาการเจ้าอาวาส ทำให้นักท่องเที่ยวที่ได้เห็นความวุ่นวายและความก้าวร้าวของบุคคลดังกล่าวต่างส่ายหน้าไปตามๆกัน และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าวัดหลวงพ่อเงินบางคลานที่เคยเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดพิจิตร วันนี้ไม่เป็นเหมือนเช่นดั่งเดิมแล้วจึงไม่น่ามาทำบุญ-ท่องเที่ยว ซึ่งทำให้การท่องเที่ยวของจังหวัดพิจิตรพังย่อยยับจากน้ำมือของกลุ่มคนเพียงแค่ 30-40 คน โดยที่ฝ่ายบ้านเมืองไม่เข้ามาแก้ไขอย่างจริงจังปล่อยให้เหตุการณ์เช่นนี้ยืดเยื้อยาวนานมาเกือบ 10 ปี แต่ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมากลับลุกโชนและรุนแรงดังภาพที่ปรากฎให้เห็นดังกล่าว
นอกจากนี้วันนี้ นายพร ปั้นเพ็ง รักษาการไวยาวัจกรและกรรมของวัดหลวงพ่อเงิน ก็ถือหนังสือมอบอำนาจของ พระครูพิสุทธิวรากร ซึ่งเป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม หรือ วัดหลวงพ่อเงินบางคลาน เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.นคร สายอุด สารวัตรเวรพนักงานสอบสวน สภ.โพทะเล ว่า มีบุคคคลที่มีพฤติกรรมเหมือนมาเฟียเข้ายึดวัดหลวงพ่อเงินบางคลานมีการทำลายทรัพย์สินและลักทรัพย์ซึ่งเป็นทรัพย์สินบางอย่างของทางวัดไป ซึ่งมีภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกภาพเป็นหลักฐานรู้ตัวตนผู้กระทำผิดชัดเจนมีทั้งหมด 10 คน โดยแจ้งความขอให้ตำรวจ สภ.โพทะเล ดำเนินการสอบสวนและจับกุมผู้กระทำผิดดังกล่าวอีกด้วย
สิทธิพจน์ เกยุ้ย จ.พิจิตร