อากาศร้อนจัดนานนับเดือนส่งผลกระทบต่อต้นลิ้นจี่ที่ปีนี้ติดผลดกจัด ทำให้ใบเหี่ยวเฉาต้นลิ้นจี่ไม่สามารถสังเคราะห์แสงหาอาหารมาเลี้ยงลูกบนต้นได้ทำให้ลิ้นจี่ยืนต้นตายจำนวนมาก ในจำนวนนี้มีสวนคุณปู่วัย 80 ปี ต้นลิ้นจี่ยืนต้นตายไปเกือบครึ่งสวน
ในปีนี้ลิ้นจี่พันธุ์ค่อมของจังหวัดสมุทรสงครามให้ผลผลิตออกมามากเป็นประวัติการณ์กว่า 5,000 ตัน แทนที่จะทำให้ชาวสวนยิ้มได้สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกรรม แต่เหมือนบุญมีแต่กรรมบัง ต้องมาเจออากาศที่ร้อนจัดยาวนานนับเดือน ทำให้ลิ้นจี่ที่มีลูกดกทนความร้อนไม่ได้ ใบเหี่ยวเฉาต้นลิ้นจี่ไม่สามารถสังเคราะห์แสงหาอาหารมาเลี้ยงลูกบนต้นได้ทำให้ลิ้นจี่ยืนต้นตายจำนวนมาก
โดยเฉพาะสวนของนายบุญช่วย สุขวิจิตร์ อายุ 80 ปี ซึ่งปลูกต้นลิ้นจี่ 35 ต้น ในเนื้อที่ 5 ไร่ ในพื้นที่หมู่ 1 ตำบลเหมืองใหม่ อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งอยู่ริมถนนผลไม้ ทางเข้าวัดอินทาราม ที่มีต้นลิ้นจี่อายุกว่า 30 ปี รวม 11 ต้น ที่มีลูกดกเต็มต้นแห้งเหี่ยว เป็นสีน้ำตาล สร้างความเสียหายครึ่งสวน ประมาณ 1,500 กิโลกรัม ซึ่งเจ้าของสวนลิ้นจี่แห่งนี้หวั่นเกรงว่าลิ้นจี่จะไม่รอดยืนต้นตาย
นายบุญช่วยกล่าวว่า ตั้งแต่ตนเกิดมาจนอายุ 80 ปี ยังไม่เคยเจอต้นลิ้นจี่ยืนต้นตายแบบนี้ ตอนแรกก็คิดว่าโดนวางยา แต่พอมาคิดๆดูสวนคนอื่นลิ้นจี่ยืนต้นตายเหมือนกัน ตนจึงคิดว่าปีนี้ลิ้นจี่ออกดอกมาก มาเจออากาศที่ร้อนจัดนานเป็นเดือน ทำให้ลิ้นจี่ที่มีลูกดกต้องหาอาการมาเลี้ยงลูกจำนวนมาก เริ่มทนไม่ไหว ตอนแรกใบก็เริ่มเหี่ยวเฉาก่อน จะเก็บผลก็ยังไม่แก่สมบูรณ์ จึงต้องปล่อยผลแห้งคาต้น ลำต้นเริ้มแห้งยืนต้นตาย ซึ่งตนคงต้อวลองตัดแต่งกิ่งที่แห้งออกให้หมด และอัดน้ำจำนวนมากก็ยังหวังว่าลิ้นจี่เหล่านี้จะรอดชีวิตฟื้นคืน