เมื่อเวลา 15.00น.วันที่ (30 ก.ย.65 ) ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรีถ.รังสิต-นครนายก (คลอง 7) ตำบลลำผักกูด อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ตัวแทนชาวบ้านจาก จ.ชัยภูมิ จำนวน 4 คน เข้าร้องมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี หลังถูกอดีตประธานกลุ่มผู้ใช้น้ำบ้านโนนเหม่า ให้เปิดบัญชีธนาคาร เพื่อทำงานขุดลอกคูคลองอ่างเก็บน้ำ ประธานกลุ่มผู้ใช้น้ำ ได้นำบัญชีเงินฝากและบัตร ATM ไปด้วย รอมา 3 ปี ไม่ได้ทำงาน แต่มีเงินกว่า 3 แสนบาทผ่านบัญชีโดยที่เจ้าตัวไม่รู้มาก่อน พบมีผู้เสียหายกว่า 100 ราย ส่งผลทำ เสียสิทธิประโยชน์ในการเยียวยา ต่างๆที่รัฐให้ช่วง COVID -19 เพราะมีเงินมากกว่าที่กำหนดและเกรงว่าจะเข้าข่ายผิดกฎหมายจึงมาขอความช่วยเหลือนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ
นางหนึ่ง(นามสมมุติ) ในผู้เสียหายรายหนึ่ง เปิดเผยว่า เมื่อต้นปีพ.ศ.2560 นายสอน (นามสมมุติ) ซึ่งขณะนั้นเป็นประธานกลุ่มผู้ใช้น้ำ อ.แห่งหนึ่งของจ.ชัยภูมิ มาชักชวนว่า ให้ทำงานกับโครงการของกรมชลประทาน โดยให้ไปเปิดบัญชีธนาคาร โดยมีเงื่อนไข บัญชีทั้งหมดจะต้องเปิดATM ควบคู่ด้วย และนายสอน ได้เอาบัญชีพร้อมบัตรไปเก็บไว้ โดยอ้างว่า กรมชลประทานจะโอนเงินเข้าบัญชีให้ทุกเดือนแต่จนวันนี้พวกตนเองก็ไม่ได้เห็นเงินดังกล่าวและไม่มีการจ้างงานตามที่กล่าวอ้าง จนกระทั่งเรื่องแดงขึ้นเมื่อปี 2563 นางเอ ไปขอรับการช่วยเหลือเงินเยียวยาเกษตรกร 15,000 บาท แต่ไม่ได้รับเช่นเดียวกับคนอื่นที่เข้าร่วมงานกับประธานกลุ่มใช้น้ำ เมื่อสอบถาม นายสอน บอกว่า ชื่ออาจตกหล่น และล่าสุด นายสอน ติดประกันสังคม มาตรา 39 ทั้งที่พวกเขาไม่เคยทำประกันสังคม กระทั่งไปปิดบัญชี จึงรู้ว่ามียอดเงินเข้าบัญชีกว่า 3 แสนบาท
ด้านนางเอ ยืนยันว่า ที่ผ่านมาตั้งแต่วันนี้เปิดบัญชีธนาคารจนถึงวันนี้พวกตนไม่เคยได้เงินแม้แต่บาทเดียว นายสอน ซึ่งปัจจุบันนี้ เป็นผู้ใหญ่บ้านยังบอกให้ผู้ที่เคยเปิดบัญชีลงชื่อไม่เอาความในเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมกับข่มขู่บอกชาวบ้านว่า ถ้าไม่ลงชื่ออาจต้องติดคุกขึ้นศาล ทุกคนกลัวจะติดคุกและรู้สึกว่าไม่ชอบมาพากลเพราะไม่มีการจ้างงานแต่มีเงินเข้าในบัญชีแต่พวกตนเองไม่ได้รับเงิน จึงเข้าร้องขอความช่วยเหลือ ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ
ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่า ผู้เสียหาย หลายคนมีชื่อทำประกันตนในประกันสังคม บางคนถูกตัดสิทธิ์ โดยไม่รู้ตัว ผู้เสียหายทั้งหมดจึงขอให้นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พาเข้าแจ้งความ ดำเนินคดีกับนายสอนและพวก ถือว่าเป็นการฉ้อโกงหลอกลวงให้ชาวบ้านไปเปิดบัญชี โดยชาวบ้านไม่ได้รับค่าตอบแทนใดๆทั้งสิ้น และยังถูกตัดสิทธิ์การช่วยเหลือเยียวยาต่างๆ จากภาครัฐเช่นเงินช่วยเหลือเกษตรกร ช่วยเหลือ COVID19 เป็นต้น
นางปวีณา กล่าวว่า เรื่องนี้ เป็นเรื่องใหญ่เงินที่เสียหายเป็นของรัฐ ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ปรากฎและให้ความเป็นธรรมกับชาวบ้านที่ถูกหลอกลวง โดยมูลนิธิปวีณาฯจะพาชาวบ้าน จ.ชัยภูมิ เข้าแจ้งความกับ กองบังคับการปราบปราม เพื่อให้ขยายผลและดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม โดยมูลนิธิปวีณาฯ จะติดตามผลคดีอย่างใกล้ชิดต่อไป หากมี ประชาชน ที่จะให้ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถแจ้งมายังมูลนิธิปวีณาฯได้ที่หมายเลข 081-8140244
อนันต์ วิจิตรประชา จ.ปทุมธานี