วันที่ (9 พ.ค.65) เวลาประมาณ 17.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากแม่บ้านที่ทำความสะอาดห้องน้ำของปั๊ม ปตท.ใกล้เคียงวัดพระนอนจักรสีห์ หมู่ที่ 4 ต.ต้นโพธิ์ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี ว่า ได้เก็บกระเป๋าสะพายได้ที่ห้องน้ำ และได้ประกาศตามหาเจ้าของ ก่อนที่จะไปลงบันทีกประจำวันที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองสิงห์บุรี จ.สิงห์บุรี
นางชื่น คุ้มดี อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25/2 หมู่ที่ 2 ต.คอทราย อ.ค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรี ซึ่งทำงานที่ปั้มน้ำมันดังกล่าว ได้เล่าว่า “เมื่อเวลาประมาณเที่ยง ตนกำลังจะทำความสะอาดห้องน้ำที่มีคนมาเข้า ก็เห็นมีเด็กสาวคนหนึ่งออกจากห้องน้ำมาแล้วบอกว่า ป้ามีคนที่เข้าห้องน้ำก่อนหน้าหนูลืมกระเป่าสะพายไว้ ตนเลยเก็บกระเป๋าตังค์เพื่อที่จะรอเจ้าของเผื่อว่าจะย้อนมารับกระเป๋าคืน และตนก็เห็นบัตรที่ฉีดวัคซีนโควิดในกระเป๋าจึงหยิบมาดูเผื่อว่าจะมีเบอร์โทรของเจ้าของกระเป๋า ปรากฏว่าไม่เจอ ตนจึงโทรตามน้องเขยชื่อ นิกร มูลธิโต ซึ่งทำงานเป็น อส.เมืองสิงห์บุรี ทั้งสองท่านเลยลองค้นกระเป๋าเพื่อที่จะหาบัตรประชาชนของเจ้าของ ก็พบว่ามีเงินอยู่จำนวนนึงอยู่ประมาณ 600 บาท และมีเงินจำนวน 30,000 บาทห่ออยู่ในแมสและมียางรัดอีกที เลยตัดสินใจมาลงบันทึกประจำวันเพื่อตามตัวเจ้าของมารับ และสามารถติดต่อได้ซึ่งเจ้าของกระเป๋ากำลังเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์มาที่ สภ.เมืองสิงห์บุรี
น.ส.ลำยอง ขอพึ่ง อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 68 หมู่ที่ 3 ต.วังน้ำเย็น อ.แสวงหา จ.อ่างทอง ซึ่งเป็นเจ้าของกระเป๋า เล่าให้ฟังว่า เงินสามหมื่นที่ห่อเก็บไว้ในกระเป๋าจำนวน 30,000 บาทนั้น เป็นเงินจากการเพิ่งขายวัวไปได้ไม่นาน วันนี้ที่เกิดเหตุไปกับญาติๆ ด้วยรถกระบะไปเยี่ยมอาที่ อ.ลำนารายณ์ จ.ลพบุรี หลังจากนั้นก็เดินทางกลับบ้าน ระหว่างทางได้เข้าห้องน้ำที่ปั๊มน้ำมัน เมื่อถึงบ้านก็ถึงได้รู้ว่ากระเป๋าสะพายได้หายไป แต่ตนนึกไม่ออกว่าหายที่ไหน ก็ได้แต่เสียใจและไม่คิดว่าจะได้คืน จนมีเจ้าหน้าที่ได้โทรหาบอกว่ามีคนเก็บกระเป๋าของตนได้ให้มารับคืนที่ สภ.เมืองสิงห์บุรี ตนจึงให้หลานชายช่วยขี่รถจักรยานยนต์จากบ้านมาที่โรงพัก โดยรู้สึกดีใจมากและขอบคุณคนที่เก็บได้ โดยตนมอบเงินเป็นสินน้ำใจจำนวน 300 บาทให้กับคนที่เก็บได้ในครั้งนี้ เนื่องจากตนไม่มีเงินมาก ในส่วนของเงินที่เพิ่งขายวัวมาก ก็จะต้องใช้จ่ายอีกเยอะ ยังไงก็ต้องขอขอบคุณคนที่เก็บได้มากๆ ที่คนไทยยังมีน้ำใจกัน และมี พ.ต.ท.ขวัญใจ แก้วน่าน สวป.สภ.เมืองสิงห์บุรี ได้เป็นสักขีพยานในการมอบในครั้งนี้
จินตนา ปานมี ผู้สื่อข่าวจังหวัดสิงห์บุรี
