วันที่ ( 6 พ.ค. 65 ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุรัตน์ สุมาลี อาชีพรับราชการ อายุ 50 ปี พี่ชายของ นายวิโรจน์ สุมาลี อายุ 45 ปี 34/4 ม.1 ต.บ่อแสน อ.ทับปุด จ.พังงา อยู่ในเรือนจำ ถูกศาลตัดสินตัดสินจำคุกด้วยคดียาเสพติดเป็นเวลา 1 ปี 8 เดือน ครบกำหนดโทษ 11 เม.ย.65 ได้เสียชีวิต เมื่อวันที่ 6 เม.ย.65 ได้พาพ่อของตนเอง พร้อมหนังสือร้องขอความเป็นธรรม ต่อ นายนฤมิตร ถิรสัตย์วงศ์ หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพังงา ศาลากลางจังหวัดพังงา ต.ถ้ำน้ำผุด อ.เมือง จ.พังงา ซึ่งน้องชายของนายสุรัตน์ เสียชีวิตระหว่างการควบคุมของเจ้าพนักงานเรือนจำ โดยทางนายสุรัตน์ ได้รับจดหมายจากน้องชายส่งถึงทางบ้านเมื่อวันที่ 7 มี.ค.65 มีใจความว่าสบายดี แต่เมื่อใกล้ถึงวันพ้นโทษต้องกลับมาเสียชีวิตซึ่งทางแพทย์ของ รพ.พังงา ระบุว่า เสียชีวิตด้วยอาการหัวใจล้มเหลว
ซึ่งก่อนหน้านี้ ทางนายสุรัตน์ พร้อมญาติ ได้เข้ายื่นสอบถามทาง เรือนจำจังหวัดพังงา ทราบว่า ก่อนนายวิโรจน์ สุมาลี เสียชีวิต ในวันที่ 5 เม.ย.65 ทางผู้คุมภายในเรือนจำพังงาเห็นว่า นายวิโรจน์ มีอาการบวมน้ำ เหนื่อยง่าย จนไม่สามารถเดินได้ จึงให้นายวิโรจน์ เข้าพบพยาบาล ที่เรือนพยาบาล และมีการนัดหมายเพื่อตรวจและรับการรักษา กระทั่งวันที่ 6 เม.ย.65 เพื่อนนายวิโรจน์ ได้เข็นรถวิลแชร์ นำนายวิโรจน์ เข้าเรือนพยาบาลโดยสามารถดูได้จากกล้องวงจรปิดภายในเรือนจำ ขณะมีการชั่งน้ำหนัก นายวิโรจน์ สามารถลุกขึ้นจากรถวิลแชร์เข้าชั่งน้ำหนักด้วยตัวเอง แต่ขณะเข้าเรือนพยาบาลเกิดอาการช๊อค ทางพยาบาลและนักโทษที่ได้รับการอบรมฝึกทักษะให้ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่พยาบาล ทำการช่วยเหลือ โดยมีการให้น้ำเกลือและปั้มหัวใจเนื่องจาก นายวิโรจน์ เกิดอาการช๊อคและหัวใจหยุดทำงาน พร้อมโทรแจ้งศูนย์การแพทย์ฉุกเฉินประสานรถพยาบาล รพ.พังงา เข้ามารับส่งต่อ รพ.พังงา
จนกระทั่งส่งทาง รพ.พังงา ถึงมือแพทย์ประจำ รพ.พังงา รับช่วงต่อ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งทาง ตำรวจ อัยการ ปลัดอำเภอ และญาติ ได้เข้าชันสูตรศพเบื้องต้น โดยทางแพทย์ลงความเห็นว่า เสียชีวิตด้วยอาการหัวใจล้มเหลว ทางญาติได้นำศพนายวิโรจน์ ทำพิธีฝังศพตามพิธีทางศาสนาของพี่น้องชาวมุสลิมจึงไม่สามารถนำศพเข้าพิสูจน์ศพตามขั้นตอนของกฎหมาย
ด้านนายสุรัตน์ สุมาลี พี่ชายผู้ตาย กล่าวว่า มี่ได้เข้ายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพังงา กล่าวว่า ทางญาติสงสัยพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ภายในเรือนจำในเหตุการณ์ดังกล่าวว่า หากทางเรือนจำใส่ใจดูแลนักโทษมากกว่านี้ ซึ่งควรสังเกตุความเป็นอยู่ พฤติกรรม อาการ ของนักโทษแต่ละคนว่ามีสิ่งผิดปกติอย่างไร หากพบว่ามีอาการผิดปกติน้องชายตนเองก็ไม่เสียชีวิตแน่นอน ควรได้รับการรักษาที่ทันท่วงที
พรชัย แซ่เอี๋ยว ผู้สื่อข่าวจังหวัดพังงา