เมื่อเวลา 04.10 น. น.วันที่(11 มี.ค.68) พ.ต.ต. บุญเชิด เชิดบารมี สว.( สอบสวน) สภ.อุทัย ได้รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกอาวุธปืน ยิงเสียชีวิต 2 รายบาดเจ็บ 2 ราย เหตุเกิดบริเวณภายในหมู่บ้านบัวคลี่ 11 บ้านเลขที่ 60/137 หมู่ 13 ต.อุทัย อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยาจึงรายงานให้ พล.ต.ต.นฤนาท พุทไธสง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.มนัส อัดโดดดร ผกก.สภ.อุทัยทราบ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ. อุทัย เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเจ้าหน้าที่มูลนิธิพุทไธศวรรย์ รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นบ้านทาวน์โฮมชั้นเดียวปลูกติดกัน บริเวณภายใน บ้านพบร่างผู้เสียชีวิต เป็นชาย 1 ราย นอนอยู่ในห้องด้านหลังและผู้หญิงอีก 1 รายนอน ขวางประตูอยู่ในห้องโถงทางเข้าบ้าน ตรวจสอบสภาพบาดแผล ถูกอาวุธปืนยิง และยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 รายเป็นผู้หญิงถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลราชธานี และเด็กผู้ชายวัย 5ขวบซึ่งเป็นลูกติด ของผู้หญิงถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บที่บริเวณนิ้ว
จากการสอบถาม นางสาว มีนา เข็มแก้ว อายุ 43 ปี พี่สาวผู้ตายซึ่งเป็นผู้หญิงบอกว่า ผู้ก่อเหตุเป็นแฟนผู้บาดเจ็บ เนื่องจากเคยมีการข่มขู่ว่าถ้าเลิกราจะฆ่าทิ้ง จนเมื่อประมาณ 1 เดือนที่แล้วผู้บาดเจ็บถูกทำร้ายร่างกาย พยายามหนีไปขายของกับพ่อแม่ที่ฝั่งลาว จนกระทั่งผู้ก่อเหตุทราบว่าครอบครัวของฝ่ายหญิงเพิ่งกลับมาเมื่อวานที่บ้านหลังเกิดเหตุพอดี ทางผู้ก่อเหตุนั้นทราบว่าผู้บาดเจ็บนั้นกลับมาอยู่บ้าน จึงได้ตามมาพูดคุย เพื่อเคลียร์ปัญหาผู้บาดเจ็บจึงเปิดประตูให้ และดึงเข้าไปก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงผู้บาดเจ็บ และจะไปยิงหลานซึ่งเป็นลูกของผู้บาดเจ็บ แต่พ่อเลี้ยงที่อยู่ในบ้านได้กระโดดมาขวางป้องกันไม่ให้เด็กถูกทำร้าย จึงถูกยิงเสียชีวิตและภรรยาก็มาถูกยิงไปอีก1 ศพ จากนั้นผู้ก่อเหตุก็ขี่รถยนต์กระบะหลบหนีไป
ส่วนผู้ก่อเหตุกับผู้ได้รับบาดเจ็บนั้นเพิ่งคบหากันได้ 1 ปีและเพิ่งจะแต่งงานกันเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ผู้ก่อเหตุชอบทำร้ายร่างกาย ผู้บาดเจ็บอยู่เป็นประจำ จนผู้บาดเจ็บนั้นทนไม่ได้บอกขอเลิกรา จนมาเกิดเหตุการณ์ ดังกล่าวขึ้น ส่วนผู้เสียชีวิตที่อยู่ในบ้าน 2 รายนั้น ผู้ชายชื่อนาย ณัฐวุฒิ นิ่มมาก อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นพ่อเลี้ยง ของผู้บาดเจ็บ ส่วนนางสาว สิริพร ตุดา อายุ 38 ปี ส่วนผู้เสียชีวิตอีกคนเป็นแม่ของผู้บาดเจ็บ ซึ่งผู้บาดเจ็บก็มีลูกชาย 1 คนอายุ 5 ขวบ
ด้านพล.ต.ต.นฤนาท พุทไธสง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่าเบื้องต้นหลังจากที่พูดคุยกับ พี่สาวของคนตาย ให้ข้อมูลว่า ผู้ก่อเหตุนั้นคาดว่าน่าจะเป็นแฟนของผู้บาดเจ็บ ที่มาใช้อาวุธปืนยิงคนภายในบ้านเสียชีวิตถึง 2 ราย มูลเหตุเกิดจากผู้ก่อเหตุ นั้นทำร้ายร่างกาย ผู้บาดเจ็บซึ่งเป็นแฟนเพิ่งคบหากันอยู่เป็นประจำ จนผู้บาดเจ็บนั้นทนไม่ไหวขอเลิก และยังถูกผู้ก่อเหตุ ข่มขู่เอาไว้ว่า ถ้าเลิกจะ ใช้อาวุธปืนมายิงทิ้ง พอผู้ก่อเหตุ ข่มขู่ทางผู้บาดเจ็บ จึงได้มาอยู่กับ พ่อเลี้ยงและแม่พร้อมด้วยลูกชาย 1 คน ซึ่งเป็นลูกติดกับแฟนเก่า ที่บ้านหลังเกิดเหตุ แล้วผู้บาดเจ็บก็ไปช่วยงานพ่อกับแม่ ล่องผลไม้ที่ประเทศลาว จนกระทั่งผู้ก่อเหตุมาทราบว่าผู้บาดเจ็บกลับมาที่บ้าน จึงได้ตามมาพูดคุย จึงใช้อาวุธปืน ยิงคนในบ้านเสียชีวิต ส่วนผู้บาดเจ็บนั้นถูกยิง ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ราชธานีไปก่อนหน้าแล้ว ซึ่งทางตนเองจะสั่งการให้ทางชุดสืบสวนตรวจสอบกล้องวงจรปิดเร่งติดตามตัวคนร้ายมาเบื้องต้นคนร้ายใช้รถยนต์ เป็นยานพาหนะหลบหนีขับรถยนต์เก๋งสีดำหลบหนี ซึ่งมีกล้องวงจรปิดจับภาพได้
ทีมแพทย์โรงพยาบาลอุทัย พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบสภาพศพผู้เสียชีวิต ซึ่งอยู่ภายในบ้านเบื้องต้นผู้เสียชีวิตเป็นชายนอนอยู่ในห้องนอน ที่ 2 สภาพถูกยิงเข้าที่ใบหน้าและปาก นั่งฟุบอยู่บนที่นอน ภายในห้องนอนมีข้าวของกระจัดกระจายอยู่เกลื่อนห้อง ส่วนรายที่ 2 เป็นผู้หญิงถูกยิงเข้าที่ต้นแขนขวา จากนั้นล้มศีรษะไปกระแทกกับพื้นปูนจนทำให้เส้นเลือดสมองแตกเนื่องจากผู้ตายมีโรคประจำตัวเป็นโรคหัวใจ บริเวณห้องโถงปากประตูทางเข้าบ้าน และตรวจสอบภายในบ้านไม่พบปลอกกระสุนปืน พนักงานสอบสวนจึงได้ ถ่ายรูปและบันทึก ภาพเพื่อนำไปประกอบสำนวนคดี จากนั้น ผู้ เสียชีวิตที่อยู่ในบ้าน 2 รายนั้น ผู้ชายชื่อนาย ณัฐวุฒิ นิ่มมาก อายุ 43 ปี คนตาย ซึ่งเป็นพ่อเลี้ยง ของผู้บาดเจ็บ ส่วนผู้หญิงชื่อ นางสาว สิริพร ตุดา อายุ 38 ปี คนตาย เป็นแม่ของผู้บาดเจ็บ ชื่อ นางสาว เกษแก้ว จิตรดี อายุ 23 ปี ซึ่งผู้บาดเจ็บก็มีลูกชาย 1 คน น้อง พีท อายุ 5 ขวบ ถูกลูกหลงที่นิ้วข้างขวา เจ้าหน้าที่ตำรวจให้เจ้าหน้าที่ มูลนิธิพุทไธศวรรย์ นำร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย ส่ง ชันสูตรเพิ่มเติมอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง ที่ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จังหวัดปทุมธานี
ต่อมา พล.ต.ต.นฤนาท พุทไธสง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้สั่งการ ตำรวจทุกพื้นที่และประสานส่วนตำรวจทางหลวง ช่วยสกัดจับรถยนต์สิบล้อตู้ทึบ ซึ่งเป็นลักษณะรถขนส่งสินค้า รหัสข้างรถ 22 หลังผู้ก่อเหตุใช้เป็นรถหลบหนี ซึ่งเบื้องต้นหลังจากทราบเส้นทางหลบหนี ใช้เส้นทางถนนสายเอเชีย มุ่งหน้าขึ้นนครสวรรค์ สุดท้ายพบว่าเข้าพื้นที่จังหวัดชัยนาท จึงประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่และตำรวจทางหลวง
ล่าสุดได้รับรายงานว่า พ.ต.ต.อนวัช ตันตินันทกุล สว.ส.ทล.6 กก.1 ทางหลวงสิงห์บุรี สั่งการให้รถวิทยุตรวจเขต1606 พร้อมกำลังพล 2 นาย ร.ต.ต.ศุภโชติ พันธุศร ส.ต.อ.กิตติพงษ์ ทองอินทร์ รถตรวจเขตหน่วยบริการ จ.ชัยนาท ร่วมกับสถานีตำรวจภูธรชัยนาท ออกตรวจสอบติดตามสกัดสกัดจับรถที่ นายทรงพล ผู้ก่อเหตุ ขณะขับหลบหนีได้แล้วที่บริเวณสะพานต่างระดับ จ.ชัยนาท สายเอเชีย ซึ่งจะควบคุมตัวมาที่ สภ.อุทัย เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติมอย่างละเอียด
พล.ต.ต.นฤนาท พุทไธสง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่าหลังจากที่ผู้ก่อเหตุนั้นก่อเหตุและหลบหนี จนสามารถควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้ ตนเองมีการพูดคุยทางโทรศัพท์ทราบว่าผู้ก่อเหตุนั้นได้มาหาภรรยาที่บ้าน จากนั้นผู้ก่อเหตุ อ้างว่าจะนำทองมาให้ภรรยา แต่พ่อตาแม่ยายปิดประตูไม่ให้เปิด จึงปีนข้ามประตูรั้วเข้าไปในบ้านพ่อตา ผู้ก่อเหตุอ้างว่าพ่อตาจะเข้ามาทำร้ายก่อน
ตนเองจึงใช้อาวุธปืนยิงพ่อตา จำนวน 2 นัด และ แม่ยาย 1 นัด และหันมายิงภรรยาก่อนจะหลบหนี โดยคนร้ายยังอ้างว่าหลังจากก่อเหตุแล้ว ตั้งใจจะขับรถส่วนตัวไปเปลี่ยนรถที่บริษัทเพื่อจะขอ ปฏิบัติหน้าที่โดยการนำสินค้าไปส่งครั้งสุดท้าย จากนั้นก็จะเดินทางมามอบตัวแต่มาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจากก่อนส่วนอาวุธปืนนั้นเก็บไว้ในรถเก๋งที่ขับหลบหนีมา
หลังจากจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ คือ นาย ทรงพล คงคาไหว อายุ 47 ปี ชาวตำบล.สามเรือน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นางสาว มีนา เข็มแก้ว อายุ 43 ปี พี่สาว ของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่าหลังจากที่ทราบข่าวว่า คนร้ายที่ก่อเหตุยิง ครอบครัวของตนเองนั้น ถูกจับกุมได้แล้ว ก็รู้สึกเฉยๆเพราะยังไงก็ต้องรู้ดีว่าตำรวจต้องตามจับตัวได้อย่างแน่นอน ส่วน ทางครอบครัวก็อโหสิกรรมให้ คนร้าย ถูกดำเนินคดีตามกฎหมายและชดใช้กรรมที่ก่อไว้ส่วนตนเองเคยบอกกับ หลานสาวผู้บาดเจ็บแล้วว่าอย่าไปคบกับคนร้าย ซึ่งหลานสาวเคยพูดว่าคนร้ายนั้นมีครอบครัวและมีภรรยาอยู่แล้วแถมยังจะหลอกว่ามีเงินถึง 7 – 8 ล้านอยู่คบกับตนเองจะสุขสบายตนเองก็เคยเตือน แล้วว่าอย่าไปคบหา จนมาเกิดเรื่องราวดังกล่าวขึ้น ต่อมาชุดสืบสวนสภ. อุทัยควบคุมตัวนายทรงพล คงคาไหว อายุ 46 ปี ผู้ต้องหาใช้อาวุธปืนยิงพ่อตาแม่ยายและเมีย ลูกติดเจ็บ
พ.ต.อ มนัส อัดโดดดร ผกก. สภ.อุทัย ลงมาสอบสวน ด้วยตัวเอง เผยถึงชนวนเหตุในการก่อเหตุเนื่องจากถูกพ่อตา (พ่อเลี้ยง ) แม่ยาย พยาม กีดกัน เหมือนอยาก จะให้เลิกกัน ทั้งที่ตนเองก็มาผูกไม้ข้อมือถูกต้องตามประเพณี เมื่อช่วงต้นเดือนมกราคม ที่ผ่านมา แต่ก็ยอมรับว่ามี โลก 2 ใบ ซึ่งทางเมียหลวง ก็รับรู้ ตนเองก็เริ่มมีปากเสียงกับ กับภรรยา โดยอ้างว่าฝ่ายภรรยามีการคุยกับคนอื่นในเรื่องเชิงชู้สาว ตนเองจึงมีการกล่าวตักเตือน จนเป็นเหตุให้ทะเลาะเบาะแว้งกัน และ ภรรยาก็หนีกลับไปอยู่บ้าน ต่างจังหวัด แต่ก็มีการติดต่อกันตลอด และก็การโอนเงินให้ทางภรรยาใช้ แต่ทางด้านพ่อตากับแม่ยายก็พยายามกีดกันไม่ให้เจอกัน จนกระทั่งตนเองทราบว่าภรรยากลับมาที่บ้านหลังดังกล่าวและตั้งใจจะมาคุยและมาเคลียร์ ซึ่งขณะที่จอดรถอยู่ก็พยายามตะโกนเรียกและโทรศัพท์เข้าไปพูดคุยแต่คนในบ้านก็ไม่ยอมเปิดประตูออกมารับทำเหมือนกับตนเองเป็นคนอื่น จึงได้ปีนคารั้วเข้าไปและเปิดประตูหลังบ้านซึ่งประตูไม่ได้ล็อก
จากนั้นก็เข้าไปคุยกับภรรยา ก็เหมือนเรื่องราวจะดีขึ้นคือ พ่อตา(พ่อเลี้ยง) แม่ยาย เข้ามาพูดในลักษณะโวยวายต่อว่า ทำให้ตนเองฟิวส์ขาด เนื่องจากตนเองก็มีความระแวงอยู่แล้วในตัวของพ่อตาซึ่งเป็นพ่อเลี้ยงเพราะตนเองเคยเห็นว่าภรรยาความสนิทสนมกับพ่อตาเกินกว่าลูกเลี้ยงกับพ่อเลี้ยง จึงบันดาลโทสะใช้อาวุธปืนยิงไปที่พ่อตา 1 นัด จากนั้นหันกระบอกปืนยิงไปที่แม่ยาย 2 นัด แล้วเล็งไปยิงที่ภรรยา 1 นัด ส่วนลูกติดของภรรยานั้น ซึ่งยืนอยู่ใกล้ภรรยาน่าจะโดนลูกหลง จากนั้นตนเองก็ขับรถออกไปจะไปส่งสินค้าแล้วจะกลับมามอบตัว แต่มาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับไว้ได้ก่อน สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยอมรับว่าเสียใจแต่กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ก็ยอมรับผลกรรมและรับโทษในสิ่งที่ตัวเองก่อ
เบื้องต้นพนักงานสอบสวน แจ้งข้อกล่าวหานายทรงพล คงคาไหว ผู้ต้องหาในข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พกพาอาวุธปืนไปในที่ทางสาธารณะและหมู่บ้าน โดยได้รับอนุญาต
ติดต่อโฆษณา โทร. 09-4960-8555