ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ใช้เฟสบุคส์ชื่อ “ใจเนตร สุวรรณรักษา” โพสต์ข้อความพร้อมรูปและภาพจากกล้องวงจรปิด มีข้อความว่า “มากันเป็นทีมเลย ขโมยกันได้ทุกวัน แจ้งความก็แล้ว ระวังก็แล้ว เข้าทุกร้าน งัดกุญแจพังไปกี่ดอกแล้ว #แจ้งความไว้1เดือนแล้ว ส่งมอบหลักฐานแล้ว โจรก็ยังมาทุกวัน หมดคำสิเว้า กูจะตั้งศาลเตี้ยละนะ” ผู้สื่อข่าวจึงติดต่อทางเฟสบุ๊คส์ พร้อมเดินทางในพื้นที่ ซอยบางแห้ง (ตลาดข้างโรงพยาบาลพังงา) ถ.เพชรเกษม ต.ท้ายช้าง เขตเทศบาลเมืองพังงา จ.พังงา พบเป็นซอยจำหน่าย อาหาร และสินค้าหลายประเภท มีแผงลอยร้านค้ากว่า 40 เจ้า พบ นางใจเนตร สุวรรณรักษา อายุ 54 ปี เจ้าของร้านส้มตำพี่ติ๊ก แจ้งว่าเป็นเจ้าของเฟสบุ๊คส์ดังกล่าว โดยที่ตนเองตัดสินใจโพสต์ ภาพและคลิบวงจรปิด ช่วงเหตุการณ์คนร้ายเข้าก่อเหตุขโมยทรัพย์สินของที่ร้าน เนื่องจากทนพฤติกรรมของคนร้ายที่ก่อเหตุตรเวณรื้อค้นทรัพย์สินของ พ่อค้า แม่ค้า ในบริเวณที่เกิดเหตุแทบทุกร้าน จนมีทรัพย์สินสูญหายบ่อยครั้ง โดยตนเองค้าขายที่แผงลอยในที่เกิดเหตุมานานกว่า 20 ปี กระทั่งช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา มีเหตุทรัพย์สินที่ พ่อค้า แม่ค้า สูญหายบ่อยครั้งขึ้น ซึ่งตนเองได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้ก่อนหน้านี้ประมาณเดือนที่ผ่านมา
จนล่าสุดเมื่อช่วงค่ำคืนวันที่ 27 ก.ย.66 พบว่ามีคนร้ายมาก่อเหตุซ้ำอีก คนร้ายได้งัดบานพับกุญแจที่ติดไว้กับประตูตู้เย็น โดยมี ผัก เนื้อหมู เนื้อไก่ และน้ำเปล่า อยู่ภายใน คนร้ายได้ขโมยจนหมดเกลี้ยง ซึ่งเป็นวัตถุดิบทำส้มตำ และ อาหาร เตรียมจำหน่ายในวันรุ่งขึ้น แม้ราคาอาจจะไม่มาก แต่เป็นสิ่งจำเป็นในการค้าขาย ถือว่าเป็นต้นทุนการค้าขาย ท่ผ่านมาได้เข้าแจ้งความไว้แล้ว แต่ไม่มีความคืบหน้า และคนร้ายยังก่อเหตุไม่หยุด ทำให้พ่อค้า แม่ค้า ผวา และกลัว ว่าจะไม่มีทุนหมุนเวียนต่อไป จึงอยากให้เจ้าหน้าที่เร่งคลี่คลายความกังวลให้ประชาชนด้วย
ด้าน น.ส.สุภาพร อายุยืน อายุ 41 เจ้าของร้านกะเยาะห์ ไก่ทอดอิสลาม กล่าวว่า ขอความเห็นใจจากเจ้าหน้าที่ด้วย เนื่องจาก ต้นทุนค้าขายในแต่วันทุกวันนี้วัตถุดิบราคาสูงขึ้นมาก เมื่อมาเจอเหตุการณ์ของหายอีก ยิ่งเกิดความลำบากในการลงทุนค้าขายอย่างมาก ตนเองโดยขโมยถังแก๊สแม้ว่าล็อคถังไว้อย่างดี จนเกิดเหตุถูกลักทรัพย์ตนเองรู้สึกว่าเกิดความไม่ปลอดภัยในทรัพย์สินแม้ได้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วยังไม่สามารถจับกุมตัวดำเนินคดีได้ ขณะหลักฐานผู้ก่อเหตุชัดเจนมาก
พรชัย แซ่เอี๋ยว จ.พังงา