สืบเนื่องจาก กก.1 บก.ทล.ได้มีการกวดขันจับกุมแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายและผู้นำพาในเส้นทางพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา อยู่บ่อยครั้ง พ.ต.อ.ศตวรรษ บุญมี ผกก.1 บก.ทล.จึงได้สั่งการให้มีการสืบสวนถึงเส้นทางที่มีการลักลอบขนคนต่างด้าวผิดกฎหมายเข้ามาในพื้นที่ชั้นใน โดยให้ ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.(อยุธยา) สืบสวนในพื้นที่รับผิดชอบและประสานงานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ภาชี ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา
จนกระทั้งวันที่ (15 สิงหาคม 2566 ) เวลาประมาณ 19.30 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำโดย ร.ต.อ.เอกชัย ขุมเพ็ชร,.ร.ต.อ.บุญส่ง บัวอุไร,ร.ต.อ.เชาวลิตร สีดำ รอง สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.,ร.ต.ท.ประธาน จตุพันธ์,ร.ต.ท.ไพบูลย์ ชูวงศ์,ร.ต.ต.ปริชาติ แสงฤทธิ์ รอง สว.(ป) ส.ทล.1 กก.1บก.ทล.,ดต.สมศักดิ์ จันทาทอง,ดต.วิชัย ตามสมัย,ดต.สุธิวัฒน์ มณีรัตน์ ผบ.หมู่ ส.ทล.1 กก.1บก.ทล.เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา นำโดย ร.ต.อ.บุญนาค เมี่ยงอิ่ม รอง สว.(ป) ฯ,ดต.กิตติศักดิ์ โครตวงศ์ ผบ.หมู่.ป.ฯ,ดต.กฤษณ์ บูรณ์เจริญ ผบ.หมู่.ป.ได้สำรวจเส้นทาง บริเวณ อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา โดยพบรถยนต์กระบะจำนวน 2 – 3 คันขับขี่ติดต่อกันมา โดยมีน้ำหนักที่รถยนต์มากว่ารถยนต์ปกติ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งสัญญาณไฟกระพริบสีแดงและใช้สัญญาณเสียงเรียกรถยนต์คันดังกล่าวให้หยุด จนกระทั่งมาถึง บริเวณ สี่แยกไฟแดงภาชี หมู่ที่ 4 ต.ภาชี อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอทำการตรวจสอบพบนายวิชา แซ่จ้าง อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 63 หมู่ที่ 26 ต.โกสัมพี อ.โกสัมพีนคร จ.กำแพงเพชร เป็นผู้ขับขี่รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ TOYOTA REVO สีขาว,ดำ ติดแผ่นป้ายทะเบียนหมายเลข บล-8545 กำแพงเพชร ตรวจสอบภายในรถพบผู้โดยสารเป็นบุคคลต่างด้าว โดยสารอัดแน่นมาในรถคันดังกล่าว จำนวน 14 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเชิญตัวไปที่ สภ.ภาชี พร้อมทั้งตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียดอีกครั้งที่ พบว่าบุคคลที่โดยสารมากับรถคันดังกล่าวเป็นต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางแต่อย่างใดมาแสดง
นายวิชาฯ คนขับให้การรับสารภาพว่าเมื่อวันที่15 สิงหาคม 2566 เวลาประมาณ 12.00 น. ได้รับการประสานจากชายเมียนมา พูดไทยได้(ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง) ประสานงานให้ไปรับแรงานต่างด้าวที่บริเวณ ป่าข้างทาง พื้นที่ อ.วังเจ้า จ.ตาก จำนวน 14 คน เพื่อไปส่งในพื้นที่ปลายทาง ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยได้รับค่าจ้าง 15,000 บาท/ครั้ง ตนได้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าว ไปรับแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองมาจริง และตนรู้ดีอยู่แล้วว่าแรงงานต่างด้าวทั้ง 14 คน ไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารแทนหนังสือเดินทางใดๆและยินยอมที่จะนำพามาส่งที่ปลายทาง จนกระทั่งมาถูกตำรวจทางหลวงเรียกตรวจสอบ โดยตนนั้นได้พึ่งกระทำแบบนี้เป็นครั้งแรก
สอบถามแรงงานต่างด้าว ผ่านล่ามแปลภาษาเมียนมาให้การยอมรับว่า ได้ลักลอบเดินทางเข้ามาในประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติและเดินข้ามมา ในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก แล้วจะมีคนพาออกมาขึ้นรถที่นำพา เพื่อจะเดินทางเข้ามาหางานทำในประเทศไทย โดยยังไม่ได้เสียค่าใช้จ่าย เมื่อถึงปลายทาง จะมีญาติเป็นคนจ่ายเงินให้กับนายหน้าที่นำพาเข้าประเทศไทย ในราคาประมาณ 20,000-25,000 บาท เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหากับนายวิชาฯ คนขับ ฐาน “รู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม” ส่วนแรงงานต่างด้าว ฐาน“เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” จากนั้นได้ควบคุมตัวพร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ภาชี ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป