เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ต้องระบายน้ำเพิ่มขึ้นเพราะมีน้ำเก็บกักในตัวเขื่อนกว่าร้อยละ 88 เปอร์เซ็นต์และยังมีน้ำไหลเหนือเขื่อนเข้ามาอีกจำนวนมาก ขณะที่หลายอ่างเก็บน้ำในลพบุรีมีปริมาณน้ำเกินเก็บกัก ไหลหลากเอ่อเข้าท่วมหลายพื้นที่
วันที่ ( 3 ต.ค.65 ) นายอนุสรณ์ ตันติวุฒิ รองผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 10 ได้เปิดเผยถึง สถานการณ์น้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี โดยในวันนี้ได้มีการระบายน้ำเพิ่มขึ้นที่ 51 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน เพราะในตัวเขื่อนป่าสักฯ มีน้ำเก็บกักอยู่ที่ 846 ล้านหรือกว่าร้อยละ 88 เปอร์เซน ขณะที่ยังมีน้ำป่าจากทางตอนเหนือไหลลงมาในตัวเขื่อนเพิ่มขึ้น 118 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อประชาชนบางพื้นที่ที่อาศัยอยู่สองฝั่งแม่น้ำป่าสักในตอนล่าง โดยที่มีปริมาณน้ำเพิ่มเพราะเกิดจากอิทธิพลของพายุ “โนรู” นอกจากนี้ในหลายอ่างเก็บน้ำในลพบุรีพบว่ามีปริมาณน้ำเกินกว่าปริมาณเก็บกักทำให้ต้องระบายน้ำลงสู่ตอนล่าง จึงทำให้ในหลายพื้นที่ได้รับผลกระทบเกิดน้ำท่วมบ้านเรือนประชาชน สัตว์เลี้ยง และพื้นที่ทางการเกษตร
นายอำพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและอำนวยการในการจัดสรรน้ำให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด โดยการให้ทางส่วนราชการที่รับผิดชอบในการจัดสรรน้ำได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ รวมทั้งได้ให้เข้าช่วยเหลือประชาชนที่บ้านเรือนถูกน้ำท่วมให้ย้ายมาอยู่ในที่ปลอดภัย นอกจากนี้ยังให้เตรียมความพร้อมเกี่ยวกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ในการเข้าช่วยเหลือประชาชน
สำหรับพื้นที่ที่มีบ้านเรือนประชาชน ถนน สถานที่ราชการ ได้ถูกน้ำท่วมในหลายอำเภอแล้ว ขณะที่ปริมาณน้ำในคลองชลประทานสาย ชัยนาท – ป่าสัก ที่ถือว่าเป็นสายหลักในการระบายน้ำพบว่ามีปริมาณน้ำจำนวนมากเช่นกัน ซึ่งจะต้องรับน้ำที่สูบออกมาจากทางฝั่งซ้ายของคลองตลอดระยะทาง ซึ่งทำให้มีระดับน้ำใกล้จะเกินจุดเก็บกักแล้ว
กฤษณ์ สนใจ จ.ลพบุรี