ชายวัย 35 ปี แอบพังประตูโบสถ์บุกเข้าไปกลางคืน หลังจากนั้นได้เกิดไฟไหม้อยู่ที่พรหมหน้าพระประธาน หาทางออกไม่ได้นอนสำลักควันจนหมดสติ จังหวะที่พระลูกวัดเดินผ่านมาเห็นมีไฟไหม้เรียกชาวบ้าน มาช่วยกันเปิดประตูเข้าไปดู ช่วยเหลือส่งโรงพยาบาล คาดเป็นคนร้ายแอบเข้ามาขโมยพระพุทธรูป แต่กรรมตามทัน
เหตุดังกล่าวนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ (19 มิ.ย.65) เวลา 17.30 น. ร.ต.อ. ภชรดา พงษ์สุวรรณ พนักงานสอบสวน สภ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี รับแจ้งจากพระต่อศักดิ์ ธัญญะวงษ์ อายุ 51 ปี พระลูกวัดเกิดเหตุเพลิงไหม้โบสถ์ วัดมรกต วราวาส ตั้งอยู่หมู่ 4 ตำบลดีลัง อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี และพบมีชายแปลกหน้าต้องสงสัยน่าจะเป็นขโมยถูกรมควันนอนหมดสติติดอยู่ภายในโบสถ์ จึงได้เดินทางไปตรวจสอบพร้อมขอสนับสนุนรถน้ำดับเพลิงเทศบาลตำบลดีลัง จำนวน 1 คันและรถกู้ชีพโรงพยาบาลพัฒนานิคม รุดไปยังที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุพบโบสถ์บูรณะใหม่ตั้งอยู่ด้านหลังวัดพบมีกลุ่มควันไฟลอยออกมาจากภายในตัวโบสถ์จำนวนมากชาวบ้านกำลังช่วยกันดับไฟ ต้นเพลิงอยู่ที่พื้นพรหมหน้าพระประธาน เจ้าหน้าที่รถน้ำดับเพลิงได้ฉีดน้ำดับไฟเอาไว้ได้ใช้เวลาประมาณ 20 นาที จึงสามารถดับไฟได้ ส่วนชายแปลกหน้าที่ถูกรมควันหมดสตินอนอยู่หลังพระประธานสภาพไม่สวมเสื้อ สวมเพียงกางเกงขาสั้นตัวเดียว ชาวบ้านนำตัวออกมาก่อนแล้วมอบให้กู้ชีพโรงพยาบาลพัฒนา รับตัวไปรักษา ทราบชื่อต่อมาคือ นายอานนท์ พิมายนอก อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 633/1 ตำบลหนองไผ่ล้อม อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา แพทย์แจ้งว่ามีควันอยู่ในช่องปอดจำนวนมาก จึงถูกนำตัวส่งรักษาต่อ ที่โรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช
จากการตรวจสถานที่เกิดเหตุ พบว่า บริเวณจุดเกิดไฟไหม้อยู่ที่บริเวณที่กราบพระประธาน ซึ่งมีธูป เทียนถูกไฟไหม้กองอยู่จำนวนมากโดยมีพรมรองนั่ง และเสื่อปูพื้นเป็นพลาสติกถูกไฟไหม้ คาดว่าน่าจะเกิดจากการจุดเทียน หรือจุดธูป ของนายอานนท์ฯ ซึ่งแอบเข้าไปในโบสถ์ เมื่อจุดเทียนหรือจุดธูป แล้ว ก็ไปหลบนอนหลับอยู่หลังพระประธาน เทียนอาจล้มลงและไหม้ลุกลามติดหมอน อาสนะพระ และเสื่อปูนั่งซึ่งเป็นพลาสติก ทำให้เกิดควันไฟสีดำ รมบริเวณภายในโบสถ์ ได้รับความเสียหาย นายอานนท์ฯ นอนหลับ จึงได้สูดดมควันภายในโบสถ์ จนหมดสติไป
ต่อมาวันที่ 20 มิถุนายน 2565 พระต่อศักดิ์ ธัญญะวงษ์ และผู้ใหญ่บ้าน ได้ช่วยกันตรวจสอบอีกครั้งพบร่องรอยประตูด้านซ้ายหน้าโบสถ์ถูกแรงผลักหรือดันอย่างแรงจนทำให้กลอนแบบไม้ขัดด้านในหลุดสามารถเปิดประตูเข้าไปได้ และยังพบพระพุทธรูป เป็นพระแก้วมรกตหน้าตัก 5 นิ้ว ซึ่งปกติจะวางอยู่ที่หน้าแทนประประทาน แต่ได้ถูกมาวางไว้อยู่ที่พื้นทั้ง 2 องค์ ทำให้เชื่อว่านายอานันท์ ซึ่งเป็นคนต่างถิ่นไม่เคยมีใครเห็นได้แอบเข้ามาในวัดช่วงค่ำแล้วใช้ร่างตนเองวิ่งชนประตูโบสถ์จนพัง ก่อนแอบเข้ามาโดยปิดประตูไว้เหมือนเดิม เสร็จแล้วคงจะไปนั่งสูบบุหรี่เป็นยาเส้นทิ้งก้นไว้ 2 ม้วน แต่ดับไฟไม่หมดทำให้รุกลามไฟไหม้ที่พรหมควันคละคุ้มมองไม่เห็นทางออกก่อนหลบไปนอนสำลักควันจนหมดสติ โชคดีที่พระต่อศักดิ์ เดินผ่านมาเห็นแสงไฟในโบสถ์มาเปิดประตูดูจึงพบช่วยเหลือนำตัวอกมาได้ก่อน
ด้านพระครูอาภากรวิวัฒน์ อายุ 61 ปี เจ้าอาวาสวัดพรหมรังษี และเป็นเจ้าคณะตำบลดีลัง เล่าว่า วัดมรกต วราวาส ปัจจุบันไม่มีเจ้าอาวาสมีพระลูกวัดเพียง 3 องค์ ในฐานะที่เป็นเจ้าคณะปกครองจึงต้องเป็นผู้ดูแล แต่ด้วยโบสถ์แห่งนี้ถูกบูรณะไว้ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ อาตมาและแรงศรัทธาชาวได้ช่วยกันบูรณะเสร็จได้ประมาณ 5 เดือนด้วยงบประมาณสองล้านสี่แสนบาท แต่กลับมาถูกคนร้ายเข้ามาขโมยสิ่งของแล้วยังเผาโบสถ์อีกทำให้ได้รับความเสียหายประกอบด้วยระบบไฟฟ้า พัดล้มติดผนัง และสีผนังโบสถ์ได้รับความเสียหายไปด้วย คาดว่าคงต้องใช้งบซ่อมอีกครั้งประมาณหนึ่งแสนบาท แต่เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจว่า คนร้ายเข้ามาได้แต่ทำไมออกไปไม่ได้ก็คงเป็นเพราะความอาถรรพ์ ความศักดิ์สิทธิ์ ของพระภายในโบสถ์ที่ทำให้คนร้ายรายนี้เข้าไปได้แต่ออกไม่ได้ เป็นอุทาหรณ์สำหรับคนร้ายทั่วไปที่ชอบเข้ามาขโมยของภายในวัดจะได้รับผลกรรมทันตา อยากฝากว่ากรรมเวรนั้นมีจริง ไม่ว่าจะทำดีหรือทำชั่วก็ตาม กรรมใครเป็นผู้กระทำผู้นั้นเป็นผู้รับเสมอ
ด้าน ร้อยตำรวจ ภชรดา พงษ์สุวรรณ พนักงานสอบสวน สภ.พัฒนานิคม ลพบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถสอบปากคำนายอานันท์ ได้เนื่องจากอาการยังไม่ได้ขึ้นแพทย์แจ้งว่ามีควันอยู่ในช่องปอดจำนวนมาก อยู่ระหว่างความดูแลของแพทย์ ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาใด ต้องรอสอบปากคำก่อน ส่วนสาเหตุน่าจะมีการจุดเทียนไว้แล้วเกิดล้มทำให้เกิดไฟไหม้ที่จุดกราบไหว้หน้าพระประธานที่มีชิ้นส่วนเป็นพลาสติก จนทำให้เกิดควันดำพวยพุ่งโขมงจำนวนมาก ทำให้ผนังโบสถ์ได้รับความเสียหาย ส่วนนายอานนท์ จะเป็นผู้กระทำหรือไม่ต้องรอการสอบสวนเสียก่อนเนื่องจากไม่มีพยานเห็นเหตุการณ์ ไปพบเพียงหลังเกิดเหตุนายอานนท์นอนสลบอยู่ ขณะนี้กำลังตรวจสอบประวัติเบื้องต้นก็ยังไม่พบ แต่ต้องขอเวลาตรวจสอบโดยละเอียดอีกครั้ง
ล่าสุดวันที่ 21 มิ.ย. 65 นายพศิน เรือนศรี อายุ 59 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ตำบลดีลังร่วมกับชาวบ้าน รถน้ำจากเทศบาลตำบลดีลังจำนวน 1 คัน ได้ช่วยกันทำความสะอาดภายในโบสถ์ เพื่อให้กับคืนสู่ภาพเตรียมซ่อมแซม เพื่อจะได้กลับมาใช้ภารกิจประจำวันของสงฆ์ต่อไป
กฤษณ์ สนใจ ผู้สื่อข่าว จ.ลพบุรี