เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 254 เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสิงห์บุรี และเจ้าหน้าที่ด้านจิตเวชเด็กได้พา นางสาว สมใจ (นามสมมติ) อายุ 30 ปี มาแจ้งความกับ ร.ต.อ.วีระพันธ์ วงค์อิน พนักงานสอบสวน สภ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี ว่า หลานสาวของตนคือ ด.ญ.บี (นามสมมติ) ได้ถูก นายใจดำ (นามสมมุติ) อายุ 44 ปี ซึ่งเป็นพ่อแท้ ๆ ข่มขืนมานาน จนหลานสาวมีอาการซึมเศร้า สุดท้ายทนไม่ไหวโทรบอกตน จนนำมาสู่การแจ้งความในวันนี้
โดย น.ส.สมใจ ผู้เป็นน้าเล่าว่า นายกาเหว่า อยู่กินกับ นางก้อย จนมีลูกด้วยกัน 3 คน โดยคนโตเป็นหญิงอายุ 15 ปี และ ด.ญ.บี (ผู้เสียหาย) เป็นคนกลาง และมี ด.ช.ซี (นามสมมติ) เป็นน้องชายคนเล็ก นายใจดำ และนางก้อย มีอาชีพรับจ้างก่อสร้าง แต่ในช่วงโรคโควิด-19 ระบาด งานรับจ้างไม่ค่อยมีจึงอยู่บ้าน และนายกาเหว่าเคยโดนคดีเสพยาเสพติด (ยาบ้า) ตนทราบเรื่องเนื่องจากน้องสาวของตนชื่อ นางอร ซึ่งเป็นน้าสาวของ ด.ญ.บี อีกคนและสนิทกันเนื่องจากโทรคุยกันทุกวัน ได้โทรบอกตนว่า ด.ญ.บี โทรเล่าให้ นางอร ฟังว่าโดน นายใจดำ ผู้เป็นพ่อ ข่มขืน ตนจึงได้ซักถาม ด.ญ.บี แต่ ด.ญ.บี เอาแต่ร้องไห้ ตนจึงถาม ด.ช.ซี ผู้เป็นน้องชาย เด็กชายซี บอกว่า “เห็นพี่บีโดนพ่อข่มขืนทุกวันเลย แล้วพี่บีก็ไปนั่งร้องไห้ที่หลังบ้าน” ตนจึงถาม นางก้อย ผู้เป็นพี่สาวว่ารู้เรื่องไหม นางก้อยบอกว่ารู้แต่ด้วยความกลัวนายใจดำ ทำร้ายจึงทนเก็บเงียบไว้ เสียใจ และอึดอัดใจจนคิดอยากผูกคอตายทุกวัน
พ.ต.อ.ศราวุฒิ ศิริ ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรอำเภอท่าช้าง จังหวัดสิงห์บุรี จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน สภ.ท่าช้าง นำกำลังไปจับกุม นายใจดำ ได้ที่บ้านพักและเบื้องต้นเมื่อนำปัสสาวะมาตรวจพบว่ามีสีม่วง จึงนำไปตรวจที่โรงพยาบาลท่าช้าง ผลพบว่ามีสารเสพติดในปัสสาวะ จึงควบคุมตัวเข้าห้องขังเบื้องต้นในข้อหาเสพยาเสพติดก่อนที่จะสอบปากคำและรวบรวมหลักฐานและพยานในความผิดฐาน “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ และทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ เป็นการกระทำแก่ผู้สืบสันดาน” ต่อไป
จินตนา ปานมี ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สิงห์บุรี