จากกรณีที่มีผู้ใช้ไลน์ ชื่อว่า บอย ได้แชร์ข้อความและคลิปวีดีโอ ลงในกลุ่ม ไล่ล่าตาสับปะรด สภ.หน้าพระลาน 3 ว่าช่วยหาเบาะแสครับ เข้าขโมยของในวัดถ้ำวิมานแก้ว ม.3 ครับ กล้องวงจรปิดจับภาพ ขณะคนร้ายเป็นหญิง 2 คน เข็นรถจักรยานยนต์ เข้ามาจอดภายในวัด ก่อนจะทำทีเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำมาดื่มและนั่งพัก พอสบโอกาสได้ลุกขึ้นหยิบพระพุทธรูป 1 องค์ แจกัน 1 คู่ ได้เดินออกไปนำใส่หน้าตะกร้าและใต้เบาะรถจักรยานยนต์ ก่อนขับหนีออกจากวัดอย่างลอยนวล
วันที่ (28 เม.ย. 65 ) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยัง วัดถ้ำวิมานแก้ว หมู่ 3 ต.หน้าพระลาน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี ได้พบกับ พระครูใบฎีกาพิพัฒน์ (เจ้าอาวาส วัดถ้ำวิมานแก้ว) จึงได้สอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พระครูใบฎีกาพิพัฒน์ เล่าให้ฟังว่า เมื่อวันเสาร์ เวลา 16.00 น. อาตมาได้ออกไปกิจนิมนต์ ภายในวัดไม่มีใครอยู่ มีแค่แม่ชีและลูกศิษย์ ก็มีผู้หญิง 2 คน ตามกล้องวงจรปิด จะมาขอเช่าวัตถุมงคล แต่แม่ชีได้บอกว่า พระอาจารย์ไม่อยู่ ไม่มีใครอยู่เลย เขาก็บอกว่า รอพระอาจารย์กลับจากกิจนิมนต์ได้ จากนั้นเขาก็เดินสำรวจรอบวัด
จากที่ดูตามกล้องวงจรปิดหลายๆตัว พอเวลา 16.30 น. หญิงคนดังกล่าวก็มานั่งอยู่ตรงโต๊ะ ที่อาตมาเอาไว้สำหรับรับญาติโยม ผู้หญิงอีกคนหนึ่งลักษณะเหมือนคนท้อง และรู้สึกว่าขาจะพิการข้างหนึ่ง ได้นั่งอยู่ตรงโต๊ะม้าหินเพื่อดูต้นทาง ว่ามีใครเข้ามาหรือเปล่า และได้มีลูกศิษย์กำลังเก็บมวลขี้วัวขี้ควายอยู่ ส่วนแม่ชีจะอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ไม่ได้เข้ามาทางนี้ พอลูกศิษย์เก็บมวลขี้วัวขี้ควายไปทิ้งข้างหลัง หญิงคนดังกล่าว ได้หยิบพระ เป็นพระพุทธรูปทองเหลือง พระพุทธชินราช ขนาด 5 นิ้ว และแจกันทองเหลือง 1 คู่ ได้หยิบไปใส่ไว้ใต้เบาะรถจยย. และก็ขับออกไป เขาบอกว่า ดวงตก และจากที่ดูในกล้องวงจรปิด อาตมาไม่แน่ใจว่าเขาเอาแจกันหรือพระไว้ใต้เบาะรถจยย. เพราะเขานำไปวางหน้าตะกร้ารถก่อน และอีกส่วนหนึ่งเอาไว้ใต้เบาะ ก่อนออกไปแม่ชีได้ยินเขาบอกว่า ไม่เจอพระอาจารย์ เดี๋ยวมาใหม่ แม่ชีจึงได้มาเล่าให้อาตมาฟัง
อยากเตือนภัยถ้ามีผู้หญิงลักษณะนี้ 2 คน 1.รูปร่างอ้วน และ 2.รูปร่างเหมือนคนท้อง ขาพิการ 1 ข้าง เขาจะเข้าไปตามวัด จะเดินสำรวจทั่ววัดว่าตรงไหนมี น่าจะขโมยหลายวัดแล้ว ส่วนวัดเราได้มีการประชาสัมพันธ์ผ่านเฟซบุ๊ก ก็คงจะเจอในเฟซบุ๊กที่เราโพสต์บอกงานบุญประชาสัมพันธ์ไป ตอนที่คุยกับแม่ชี เขาบอกว่าอยู่พระบาท อายุประมาณ 20-30 ปี เพราะดูในกล้องวงจรปิดเขาปิดแมสด้วย เขาก็นั่งรอตั้งแต่สี่โมง มาเปิดน้ำในตู้เย็นของพระอาจารย์กินอย่างสบายใจ นั่งรออาจารย์มา ส่วนพระพุทธชินราช เป็นพระพุทธรูปที่ญาติโยมนำมาถวาย ทำบุญสะเดาะเคราะห์ อาตมาจึงได้เอาตั้งไว้ที่โต๊ะ เพื่อไว้ให้ญาติโยมที่มาทำบุญถวายสังฆทาน ทำบุญสร้างโบสถ์ กราบไหว้ ซึ่งไมได้เป็นพระที่อยู่ที่วัดเลย เป็นพระที่ญาติโยมถวายมาอีกทีหนึ่ง ช่วงเวลา 19.30 น. ลูกศิษย์มาบอกว่า พระอาจารย์ พระหายไปไหน อาตมาก็บอกว่า พระอะไร แล้วพระหายไปไหน ทีแรกนึกว่าโยมยืมไป เพราะว่าวันรุ่งขึ้นจะมีโยมมาทำบุญเลี้ยงเพล แต่คิดว่าเขาไม่น่าจะยืมไปเพราะเขามาทำบุญที่วัด ไม่ใช่ที่บ้าน ก็เลยไปเปิดกล้องวงจรปิดย้อนหลังดู แต่แม่ชีได้บอกแล้วว่ามีผู้หญิงมาหา 2 คนนะ จะมาขอบูชาวัตถุมงคล ทีแรกอาตมาไม่ได้คิดว่าเป็นผู้หญิง 2 คนนี้ ถ้าเกิดเขาจะขโมยทำไมไม่ขโมยถาดอาจารย์ อาจารย์ก็วางถาดไว้ตรงนี้ เพราะว่าของในวัดนี้ไม่มีอะไรที่หาย ช่วงกลางคืนก็ไม่มีใครเข้าออก ก็เลยไม่คิดว่าจะมีขโมยเข้ามา จึงอยากเตือนภัยไปว่าผู้หญิง 2 คนนี้ อาจจะตะเวนไปอีกหลายๆวัด ทางอาตมาก็ไม่ได้แจ้งความ เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องนิดๆหน่อยๆ ให้คอยเป็นกรรมของเขาเอาเอง เพราะเห็นท้องและพิการด้วย ไม่น่าที่จะมาขโมย มาขอกินยังจะดีกว่า ข้าวก้นบาตรที่บิณฑบาตมา พระฉันไม่หมดหรอก มาขอพระไปดีกว่า ดีกว่าที่จะมาขโมยแบบนี้
นาง มารยาท สมอน อายุ 63 ปี (ชีพราหมณ์) เล่าให้ฟังว่า วันนั้นเป็นวันเสาร์ ได้มีรถ จยย.ขับเข้ามา เป็นผู้หญิง 2 คน มาถามหาว่า มีพระให้เช่ามั้ย อยากเช่าพระไปบูชา ตนจึงได้บอกไปว่า ต้องรอพระอาจารย์ก่อน พระอาจารย์ไม่อยู่ ไปสวดมนต์เย็น ตนจึงได้ถามเขาไปว่า รีบไหม เขาบอกว่า รอได้ จากนั้นเขาก็เดินไปไหว้พระ ส่วนผู้หญิงอีกคนก็นั่งคุยกับตน จึงได้ถามเขาว่ามาจากไหน เขาบอกว่า มาจากพระพุทธบาท จากนั้นตนก็ได้เดินกลับเข้าไปข้างใน ส่วนแม่ชีที่ออกจากห้องมา ได้ยินเขาพูดว่า ไปก่อนดีกว่า แล้วค่อยมาใหม่ ซึ่งตนไม่รู้เรื่องที่เขาขโมยพระไป พึ่งจะมารู้จากพระอาจารย์นี่เอง
เกียรติยง อัศวราศี ผู้สื่อข่าวจังหวัดสระบุรี