วันที่ ( 17 มี.ค. 65 ) ที่บริเวณทุ่งนาหนองยาง หมู่ที่ 4 ตำบลราชสถิตย์ อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง พบชาวนาต่างสูบน้ำเข้านา และหว่านปุ๋ยเคมีในนาข้าว ที่กำลังตั้งท้องใกล้เก็บเกี่ยวผลผลิต แต่ต้นทุนการทำนาในช่วงนี้ เพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งปุ๋ยเคมี และน้ำมัน ได้ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ส่วนราคาข้าวเปลือกก็ทรงตัว และเริ่มปรับตัวราคาต่ำลง แต่เป็นวีถีชีวิตชาวนาที่จะต้องต่อสู้กับภัยธรรมชาติ ภัยแล้ง น้ำท่วม และในช่วงนี้ปุ๋ยเคมีปรับราคาสูงขึ้น น้ำมันก็แพง แต่ต้องสู้ทำนา เนื่องจากทำมาตลอดชีวิตไม่มีความรู้ด้านอื่น
จากการสอบถาม นางสาวกฤษณา สายพิณ อายุ 62 ปี เล่าให้ฟังว่า ช่วงนี้ตนเองได้รับผลกระทบจากราคาปุ๋ยเคมี ที่กำลังปรับตัวสูงขึ้นและน้ำมันก็แพงมากขึ้น ทำให้ต้นทุนสูงขึ้นในการทำนา แต่ก็ต้องสู้ทำนา เนื่องจากทำมาแล้ว ซึ่งปีที่ผ่านมานั้น น้ำท่วมข้าวในนาเสียหายเก็บเกี่ยวไปขายไม่ได้ราคา มาปีนี้หวั่นภัยแล้ง และราคาข้าวเปลือกที่ปรับตัวลดต่ำลง แต่ก็ต้องสู้เนื่องจากทำนามาแล้วก็ต้องสู้
ด้าน นาย เสน่ห์ มีทรัพย์ อายุ 63 ปี เล่าให้ฟังว่า ตนเองทำนา จำนวน 60 ไร่ ช่วงนี้ก็ได้เวลาใส่ปุ๋ย แต่ปุ๋ยราคาแพงขึ้น จำต้นลดปริมาณปุ๋ยลง เนื่องจากต้องการลดต้นทุน แต่ก็จะกระทบผลผลิตข้าวในนา แต่ต้องสู้ทำนา เนื่องจากทำมาตลอดชีวิต ตนเองไม่มีความรู้ด้านอื่น เมื่อปุ๋ยเคมีปรับราคาสูงขึ้น น้ำมันก็แพง ภัยแล้ง น้ำท่วม แต่ข้าวเปลือกราคาต่ำ จึงต้องสู้ทำนา
ส่วนทางด้าน นาย ทรงยศ มะกรูดทอง ประธานสมาชิกเกษตรไชโยจังหวัดอ่างทอง กล่าวว่า ช่วงนี้ชาวนาได้รับผลกระทบจากปุ๋ยเคมีปรับตัวราคาสูงขึ้น ซึ่งนาข้าวใช้ปุ๋ยเคมี สูตร 16-20-0 ปรับตัวจากกระสอบละ 780 บาท มาอยู่ที่ราคา 900 บาท ภายในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ ส่วนปุ๋ยยูเรีย 64-0-0 จากกระสอบละ 1,300 บาท ปรับตัวสูงขึ้นไปเป็นกระสอบละ 1,500 บาท ตอนนี้ชาวนาก็ต้องลดการใช้ปุ๋ยในนาข้าวลง เพื่อลดต้นทุนในการผลิต ทำให้ข้าวได้ผลผลิตน้อยลงไป ซึ่งชาวนาก็ต้องรับสภาพกันต่อไป จึงอยากวอนให้ทางรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงมาช่วยเหลือชาวนาอย่างเร่งด่วน
กนกศักดิ์ แสงตระการ จ.อ่างทอง
