ชาวบ้านสุดทนถูกน้ำทะเลทะลักเข้าท่วมบ้านรถเสียหายนับร้อยหลังคาเรือนไร้หน่วยงานเหลียวแล

เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 3 ธันวาคม 2564 นางสาวนิธิมา แสนเจริญ อายุ 53 ปี ตัวแทนชาวบ้านภายในชุมชนบุญศิริ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนเกี่ยวกับความเดือดร้อนที่ชาวบ้านภายในชุมชนบุญศิริซึ่งตั้งอยู่ริมถนนสุขุมวิทและภายในซอยที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 8 พฤศจิกายน 2564 ซึ่งเป็นวันที่มีปากฎการณ์น้ำทะเลหนุนสูงมวนน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาได้ไหลทะลักเข้ามาบริเวณช่องว่างของท่าทราย KG ซึ่งท่าทรายดังกล่าวทำไว้เพื่อให้รถบรรทุกสิบล้อวิ่งลงไปรับทรายจากเรือได้สะดวก มวนน้ำจำนวนมหาสานได้ไหลทะลักเข้าท่วมวัดมหาวงษ์ปากน้ำ และท่วมถนนสุขุมวิท ก่อนที่ไหลทะลักข้ามฝั่งมาเข้าท่วมชุมชนมีรถยนต์ถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหายจำนวนมากรวมทั้งข้าวของในบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ในชุมชนก็ได้รับความเสียหายเป็นร้อยหลังคาเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุมาจนถึงวันนี้เป็นเวลาเกือบ 1 เดือนก็ยังไม่มีใครลงมารับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นร่วมทั้งหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง จนชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนได้รวมตัวกันมายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมในครั้งนี้โดยมีนายพชร (พะชะระ) ศศิชาชยามร หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรปราการ รวมทั้งตัวแทนนายอำเภอเมือง ฯ และตัวแทนเทศบาลนครสมุทรปราการ ได้ลงมารับหนังสือร้องเรียนจากชาวบ้าน โดย

นางสาวนิธิมา ตัวแทนชาวบ้านได้เปิดเผยว่า เวลาผ่านไป 1 เดือน เต็ม ๆ ไม่มีใครมาดูหัวชาวบ้านเลย และประเด็นที่สองเนื่องจากท่านผู้ว่าและท่านนายอำเภอสามารถโยกย้ายได้ตามวาระ เราทุกคนก็ทราบกันดีอยู่ แต่ท่าทรายดังกล่าวยังทำงานอยู่ตรงนี้ และบ้านเรือนของชาวบ้านทุกคนก็อยู่ตรงนี้มา 6-70 ปีแล้ว และการป้องกันน้ำท่วมของเขาถ้าอย่างเห็นภาพว่าเป็นอย่างไรทำไมถึงทำให้ถูกน้ำท่วมลองขึ้นรถไฟฟ้าแล้วมองลงไปจะเห็นชัดเจนเลยว่าสถานที่ด้านหน้าของท่าทรายดังกล่าวเข้ากั้นแนวกั้นน้ำเป็นแบบฟันหลอระหว่างโรงเรียนนายเรือกับร้านอาหารบ้านเมษา การกั้นกั้นตะลิงของเขาไม่ใช้การเอากระสอบทรายมากั้นเขาแค่เอารถแบคโคโกยทรายขึ้นมาปิดครึ่งหนึ่งของพื้นที่เขาอีกพื้นที่หนึ่งเขาเปิดไว้เพื่อให้รถบรรทุกของเขาลงไปเทียบท่าทราบเพื่อที่จะขนทรายขึ้นมาบนฝั่ง ดังนั้นถ้าน้ำมาเร็วอีกเหมือนวันที่ 8 พฤศจิกายน ไม่มีทางที่จะกั้นได้ทันปริมาณน้ำมันก็จะท่วมซ้ำอีก ตนเข้าใจปัญหานี้ดีเพราะเป็นคนสมุทรปราการมาตั้งแต่เกิด น้ำสูงระดับไหนตนทราบเป็นอย่างดี เพราะในวันที่ 9 พฤศจิกายน ตำรวจยังบอกว่าระดับน้ำต่ำกว่าเมื่อวานเพียงแค่เซนเดียว แต่ทำไมไม่ท่วม ตนจึงอยากรู้ว่าวันที่ 8 มันเกิดอะไรขึ้น มันเป็นความบกพร่องท่าทรายทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนกันเป็นร้อยหลังคาเรือนไม่มีใครออกมาดูเลย ถ้าตนไม่ไปยื่นหนังสือกับผู้ว่าตามคำแนะนำของตำรวจ จะมีใครออกมั้ย พวกท่านไม่เคยมาถ่ายรูปบ่านของพวกตนเลยว่าได้รับความเดือดร้อนแค่ไหน มีแต่ไปถ่ายท่าทรายเดือดร้อนวัดมหาวงษ์เดือดร้อน และต้องขอเรียนให้ทราบว่าน้ำที่ท่วมในวัดมหาวงษ์ ไม่ได้เข้ามาทางแม่น้ำเจ้าพระยา แต่น้ำมาตามถนนจากท่าทราย พระเดือดร้อนกันมากแต่พระร้องเรียนไม่ได้

นายพชร (พะชะระ) ศศิชาชยามร หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรปราการ ได้กล่าวว่า ในส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นเบื้องต้นจะเร่งสำรวจและเยี่ยวยาในเบื้องต้นก่อนส่วนกระบวนการอื่นที่บอกว่ามันมีปัญหามาจากที่อื่นนั้น ก็นำเรื่องไปหารือท่านผู้ว่าราชการจังหวัดในเรื่องประเด็นท่าทราย ตอนนี้ที่ออกมาพอเห็นหนังสือร้องเรียนจึงรีบออกมาดู เพราะตอนแรก ปภ.เองก็ไม่ทราบรายละเอียดเพราะตนพึ่งย้ายมาใหม่ แต่พอเห็นหนังสือก็เลยรีบออกมาเลย เพราะว่าอยากให้ชาวบ้านได้รับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน โดยจะเร่งสำรวจตามขั้นตอนต่าง ๆ ว่าได้รับความเสียหายอย่างไร ส่วนกระบวนการอื่น ๆ ที่ว่ามีปัญหากันแบบนี้ เดี๋ยวตนจะรับเป็นหน้าเสื่อสำหรับเรื่องการหารือกับวิธีการที่จะบรรเทาความเดือดร้อนเพิ่มเติม

สุรศักดิ์ คงสินธ์ / ธนวัต นาคขำ จ.สมุทรปราการ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Next Post

ศาลแรงงานภาค 1 จัดพิธีปฏิญาณตนผู้พิพากษาสมทบศาลแรงงานภาค 1 รุ่นที่ 5 ก่อนเข้าดำรงตำแหน่ง เพื่อเป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง

  วันที่ (3 ธ.ค.64)  ที่ ห้องประชุมกรุงศรี 2 […]

You May Like

Subscribe US Now