สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 15.20 น. ของวันที่ 24 มิ.ย. 65 พ.ต.ท.นราธิป สุทนต์ สารวัตร (สอบสวน) สภ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งเหตุมีรถยนต์ถูกยิงภายในลานจอดรถโรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สายตรวจ
ที่เกิดเหตุ เป็นลานจอดรถโรงเรียนแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ใน ใน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เป็น พบ น.ส.สิริการย์ เจริญเศรษฐ์กุล อายุ 57 ปี ชาว อ.พระนครศรีอยุธยา เป็นเจ้าหน้าที่ในสถานประกอบการดังกล่าวนี้และเป็นเจ้าของรถยนต์ปิคอัพ 4 ประตู ยี่ห้อ ISUZU D-MAX Hi-Lander สีเทา ทะเบียน กอ 7216 พระนครศรีอยุธยา จอดอยู่บริเวณช่องจอดรถด้านที่มีหลังคา ตรวจสอบบริเวณกระจกหลังรถ พบมีรอยถูกยิงด้วยอาวุธไม่ทราบชนิด และขนาด เป็นรูอยู่ 1 รู และกระจกแตกร้าวไปทั้งแผ่น และมีเศษกระจกแตกกระจายอยู่ที่ท้ายกระบะรถบางส่วน ทางด้าน พ.ต.ท.นราธิป สุทนต์ สารวัตร (สอบสวน) สภ.บางปะอิน ได้ถ่ายรูปไว้และประสานไปยังสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เพื่อให้มาเก็บหลักฐาน วัตถุพยานเพิ่มเติม ในวันที่ 25 มิถุนายน 2565 เวลา 14.00 น. ณ ที่เกิดเหตุอีกครั้ง
โดยในวันนี้ (25 มิ.ย. 65) เวลา 14.00 น. ตำรวจพิสูจน์หลักฐานได้เดินทางมาที่เกิดเหตุ แล้วได้ทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียด ทั้งด้านนอกตัวรถ และด้านในตัวรถ จึงพบลูกเหล็ก ลักษณะกลม ขนาดประมาณ 3-4 ซม. ตกอยู่ในช่องเก็บของด้านหลังเบาะคนขับ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ด้านตำรวจพิสูจน์หลักฐาน กล่าวว่า อาวุธที่ใช้ก่อเหตุน่าจะเป็นปืนอัดลมหรือยิงด้วยหนังสติก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ด้าน น.ส.สิริการย์ เจริญเศรษฐ์กุล กล่าวว่า ตนเองได้ทำงานอยู่ในที่แห่งนี้มาประมาณปีกว่าๆ และวันที่เกิดเหตุก็เป็นวันทำงานวันสุดท้าย เนื่องจากตนเองได้ลาออกเพื่อที่จะไปเลี้ยงหลาน ปกติจะมาทำงานเวลาประมาณตี5 และจะเลิกงานกลับบ้านในเวลาประมาณบ่าย 2-3 โมง ของทุกวัน วันเกิดเหตุได้เดินมาที่รถเพื่อที่จะกลับบ้าน พบว่ากระจกหลังรถมีรอยถูกยิง ตนเองตกใจจึงได้โทร.แจ้ง 191 ตนเองตาดว่าชนวนเหตุน่าจะมาจากการขัดผลประโยชน์กันระหว่างบุคคลภายในด้วยกัน จึงอย่ากให้ตำรวจจับคนที่กระทำมาลงโทษให้ได้ เพราะตอนนี้ตนเองรู้สึกไม่ปลอดภัยในชีวิต น.ส.สิริการย์ กล่าว
ด้าน พ.ต.ท.นราธิป สุทนต์ สารวัตร (สอบสวน) สภ.บางปะอิน กล่าวว่า เราต้องนำพยานหลักฐานต่างๆ ที่ได้มา มาทำการเชื่อมโยงมูลเหตุจูงใจต่างๆ ก่อนที่จะตามตัวผู้ที่กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทีมข่าวเฉพาะกิจ