วันที่ (24 ก.พ. 65) เมื่อเวลาประมาณ 15.30น. ร.ต.อ.สายฝน หลักเพชร รอง สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองสุพรรณบุรี รับแจ้งเหตุไหม้บ้านซอยศาลาฟ้าผ่า หมู่ 3 ตำบลท่าระหัด อ.เมืองสุพรรณบุรี จำนวนหลายหลัง จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ไปตรวจสอบพร้อมนายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผวจ.นายนพฤทธิ์ ศิริโกศล รอง ผวจ. นายศรีธรรมราชแก้ว นายอำเภอเมืองสุพรรณบุรี นายปภินวิช ละอองแก้ว. หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุพรรณบุรี เจ้าหน้าที่มูลนิธิเสมอกันกู้ภัยสุพรรณบุรี สมคมเณรแก้วกู้ภัยทางหลวงสุพรรณบุรี รถน้ำดับเพลิงจาก เทศบาลท่าระหัด เทศบาลเมืองสุพรรณบุรี เทศบาลโคกคราม และศูนย์บรรเทาสาธารณภัยเขต 2 กว่า 10 คัน รุดไปช่วยดับเพลิง
ที่เกิดเหตุพบเพลิงกำลังลุกโหม ไหม้บ้านไม้สองชั้นครึ่งไม้ครึ่งปูนจำนวน 5 หลังคาเรือนบ้านเลขที่ 111 ,112 , 112/1 , 114 และ 115/3 เจ้าหน้าที่จึงระดมฉีดน้ำสกัดเพลิง ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เพลิงจึงสงบ จากการตรวจสอบบริเวณจุดเกิดเหตุเบื้องต้นพบบ้านเรือนชาวบ้าน เสียหาย จำนวน 5 หลังคาเรือน และพบผู้เสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อนายประจวบ เพ็งพันธุ์ อายุ 79 ปีเสียชีวิตคากองเพลิงอยู่ในบ้าน เลขที่ 112 สภาพศพ นอนคว่ำหน้าถูกไฟคลอก สังกะสีทับอยู่ในห้องชั้นล่างภายในบ้านสภาพดำเป็นตอตะโก
จากการสอบถามนายธนธรณ์ ภูพวงจันทร์ 24ปีลูกชาย เจ้าของบ้านเลขที่ 114 ซึ่งเป็นบ้านของสมสมร ภูพวงจันทร์ เจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดสุพรรณบุรี เล่าว่าขณะเกิดเหตุตนกำลังนั่งเล่นคอมพิวเตอร์อยู่ในห้องชั้นล่าง จู่ๆได้ยินเสียงเอะอะโวยวายอยู่ที่ข้างบ้าน จากนั้นมีกลิ่นไฟไหม้โชยเข้ามาจึงรีบออกไปดูก็พบไปกำลังลุกไหม้บ้านติดกันจึงรีบนำรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ออกไปไว้นอกบ้าน จากนั้นไม่นานไฟก็โหมลุกไหม้และลุกลามไปยังบ้านบ้านข้างเคียงรวมทั้งบ้านของตนขึ้นอย่างรวดเร็วตนจึงรีบหนีตายออกมาอยู่บ้าน
ทางด้านนายชาญชัย สังข์วรรณะ อายุ 76ปีเจ้าของบ้านเลขที่ 112/1 ซึ่งเป็นบ้านครึ่งไม้ครึ่งปูน ถูกไฟไหม้เสียหายครึ่งหลัง เล่าว่าก่อนเกิดเหตุกำลังทำกับข้าวอยู่ในห้องครัวส่วนและคนในบ้านมีภรรยา ซึ่งป่วยติดเตียง และลูกสาวลูกเขย รวมประมาณ 6 คนกำลังนั่งดูทีวีอยู่ที่ชั้นล่าง ระหว่างนั้นได้กลิ่นไฟไหม้โชยเข้ามาในบ้านจึงเดินไปดูที่หน้าต่างก็เห็นไฟกำลังลุกไหม้อยู่ที่บ้านเลขที่ 112 ซึ่งเป็นบ้านของนายประจวบ พี่เขยของตน เมื่อเห็นไฟกำลังลุกไหม้อย่างรุนแรงตนได้พยายามตะโกนเรียกชื่อพี่เขย หลายครั้งแต่มี่เสียงตอบรับระหว่างนั้นไฟก็กำลังโหมลุกไหม้อย่างรุนแรงเนื่องจากตัวบ้านเป็นไม้เก่าอายุหลายสิบปี จากนั้นได้ช่วยกันใช้สายยางฉีดน้ำเพื่อดับไฟแต่ไม่สามารถดับได้จึงโทรแจ้งรถดับเพลิงมาช่วยดับ แต่กว่าจะดับได้บ้านหลายหลังก็ถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหมดและบ้านของตนก็ถูกไฟไหม้เสียหายไปครึ่งหลัง ระหว่างที่ไฟกำลังลุกไหม้ตนและลูกๆได้ช่วยกันพาคนแก่และคนป่วยหนีตายออกจากบ้านอย่างทุลักทุเลล้มคว่ำได้รับบาดเจ็บกันคนละเล็กน้อย
ทางด้าน ร.ต.อ.สายฝน หลักเพชร ร้อยเวรเจ้าของคดีกล่าวว่าจากการเบื้องต้นพบว่ามีบ้านถูกไฟไหม้เสียหายจำนวน 4 หลังและเสียหายบางส่วนอีก 2 หลังมีชายสูงอายุถูกไฟไหม้คลอกเสียชีวิต 1ราย ส่วนมูลค่าความเสียหายและสาเหตุที่แท้จริงนั้นยังไม่ทราบ ต้องรอสอบสวนผู้ที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดก่อนและรอผลตรวจพิสูจน์อย่างละเอียดจากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานก่อน
ภัทรพล พรมพัก จ.สุพรรณบุรี