ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ (23 ก.พ.65 ) นางสาวสัชฌกร ศรีสมบัติ อายุ 27 ปี บ้านเลขที่ 419/1 ถ.ทุ่งศรีเมือง ต.กาฬสินธุ์ อ.เมืองกาฬสินธุ์ จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยญาติๆ ได้เดินทางมาที่นางสาวสัชฌกร ศรีสมบัติ อายุ 27 ปี บ้านเลขที่ 419/1 ถ.ทุ่งศรีเมือง ต.กาฬสินธุ์ อ.เมืองกาฬสินธุ์ จ.กาฬสินธุ์ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล. เพื่อเข้าพบพ.ต.ท.ธนศักดิ์ ปราสาททอง สว..ทล.1 กก.1 บก.ทล.ได้สั่งการให้ ร.ต.อ. วัชรพล วชิรกุลฑล รอง สว.ส.ทล.1 กก.1บก.ทล. ร.ต.อ.อรรณพ ฉิมพลี ร.ต.ท.ประธาน จตุพันธ์ สว.(ป.) ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล. หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงอยุธยาได้ตรวจยึดรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ ฟอร์ด สีขาว หมายเลขทะเบียน กธ 1483 กาฬสินธุ์ โดยตรวจยึดรถได้ที่บริเวณ กม.1-2 ทล.32 (ถ.เอเซีย ขาเข้า) ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีนายสิทธิเจตน์ วงศ์ใหญ่ตรวงลาภ อายุ 49 ปี เป็นผู้ขับขี่
จากการสอบถามนางสาวสัชฌกร ศรีสมบัติ อายุ 27 ปี เจ้าของรถบอกว่าได้นำไปจำนำในราคา 80,000 บาท ไว้กับ นางสาวโสภิต กรรณิการ์ โดยนางสาวโสภิตฯ กำหนดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 10 ต่อเดือน ต่อมา วันที่ 7 พ.ย.64 นางสาวโสภิตฯ ติดต่อผู้เสียหายเพื่อให้นำเงินมาไถ่ถอนรถยนต์ดังกล่าว หากไม่มาไถ่ถอน จะปล่อยรถยนต์ดังกล่าวออกไป ต่อมาวันที่ 8 พ.ย.64 ของนางสาวสัชฌกรฯ และมารดา ให้นางสาวราตรี ศรีสมบัติ โอนเงินไถ่ถอนรถยนต์ดังกล่าว ให้นางสาวโสภิตฯ ธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี นางสาวโสภิต กรรณิการ์ จำนวนเงิน 88,000 บาท ต่อมานางสาวโสภิตฯ แจ้งนางสาวสัชฌกรฯ ว่าให้มารับรถยนต์ดังกล่าวคืนวันที่ 22 พ.ย.64 แต่เมื่อถึงกำหนด นางสาวสัชฌกรฯ กลับไม่ได้รถยนต์ดังกล่าวคืน โดยนางสาวโสภิตฯ แจ้งว่ารถยนต์ดังกล่าวหลุดไปแล้ว ไม่สามารถตามรถมาคืนได้ จึงเลื่อนคืนรถยนต์ เป็นวันที่ 13 ธ.ค.64 หลังจากนั้นนางสาวสัชฌกรฯ ได้รับใบสั่งจากเจ้าพนักงานจราจร เนื่องจากผู้ขับขี่รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ ฟอร์ต สีขาว หมายเลขทะเบียน กธ 1483 กาฬสินธุ์ ขับขี่รถยนต์ด้วยความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด นางสาวสัชฌกรฯ จึงเชื่อว่า นางสาวโสภิตฯ ได้ครอบครองรถยนต์ไว้ เจตนาเบียดบังเอาเป็นของตนเองโดยทุจริต จึงได้แจ้งความไว้กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ปจว.ข้อที่ 22 ลงวันที่ 15 ธ.ค.65 เวลา 15.37 น.เพื่อให้ดำเนินการตามกฎหมายกับนางโสภิต กรรณิการ์ ต่อไป
แล้วเมื่อวานนี้ 22 ก.พ.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงอยุธยาได้โทรศัพท์ไปหาตนว่าเป็นเจ้าของรถหรือไม่ ซึ่งตนเองก็รู้สึกดีใจที่ได้รถคืนเพราะรถหายไปตั้ง 5 เดือนแล้ว ก็ไม่รู้ว่ารถไปอยู่ที่ไหนเพราะหาไม่เจอ จนต้องไปแจ้งความไว้ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ แล้วตั้งแต่รถหาย ตนเองก็ไม่คุยกับญาติคนนี้อีกเลย ตลอดระยะเวลาที่รถหายไปก็ได้มีใบสั่งจำนวน 12 ใบส่งไปหาตนเองที่บ้าน พื้นที่ที่โดนจับความเร็วจะเป็นจังหวัดในภาคกลางซึ่งตนก็คิดว่าญาติของตนนำรถไปนำจำหรือขายให้กับคนอื่นแล้ว จึงอยากขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงอยุธยาทุกท่านที่ได้ช่วยเหลือตนเองในการตามรถคืนมาได้
เกียรติยศ ศรีสกุล (บรรณาธิการ)