จากกรณีเพจ “แม่ทัพลิง จุ๊กกรู” โพสต์การสวดคาถาของหญิงที่แต่งกายคล้ายพระสงฆ์ใช้ชื่อ“ปู่ทิพย์ปารมี”ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นบทสวดแบบไหนซึ่งหลายคนฟังแล้วต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่มีอยู่ในคำสอนของพระพุทธเจ้า
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปสอบถามเรื่องนี้กับราชธรรมนิเทศ หรือพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เพื่อขอคำชี้แนะว่าเป็นบทสวดที่มีอยู่ในพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าหรือไม่ โดยพระพยอม กล่าวว่า ยุคนี้ต้องบอกก่อนว่าเป็นยุคเกลื่อนกลาดศาสดา ใครที่จะตั้งตัวเองให้มีฤทธิ์มีปาฏิหาริย์ เช่น ปู่ทิพย์อย่างนี้จะใช้ขื่อธรรมดาก็ไม่ได้ต้องตั้งชื่อให้มันพิสดาร และอีกอย่างหนึ่งแปลกที่เป็นผู้หญิงแต่แต่งตัวเป็นพระ หรือเป็นภิกษุณีแบบนี้ ถ้าจะบวชต้องดูว่าต้นสายปลายเหตุเขามาจากไหน ไปบวชกับใคร แล้วใครเป็นพระอุปัชฌาย์หรือว่าที่สำนักไหน ประเทศอะไร แต่ว่าอยากให้ญาติโยมอย่าตื่น อย่าทึ่งให้อยู่กับพระรัตนตรัยทุกอย่างจะจบลงด้วยสวยด้วยดี เพราะที่พึ่งอันเกษมคือพระรัตนตรัย ที่พึ่งอื่นที่มาโฉบฉวย พลังจักรวาล เชียงไฮ โยเล
สมัยนั้นมากันพรึ่บเลยแล้วก็ค่อยๆจางไป ของจริงต้องอยู่เป็นอมตะ แต่ของที่เป็นเนื้องอกทางศาสนาหรือของเทียมก็จะอยู่ได้ไม่นาน และการสวดก็ไม่รู้ภาษาอะไร บาลีก็ไม่ใช่ ทำแลให้ขลังสร้างความขลังความศักดิ์สิทธิ์ สมัยโบราณเขาใช่คำอธิบายไว้แบบนี้ นักบวชที่ทำตัวเป็นฤาษีหรือเป็นปู่ทิพย์อะไรก็แล้วแต่ เขาเรียกฉกบริวาร นักบวชตนหนึ่งถือหางพญานาค หางงูฉก ฉกคน ฉกบริวาร
ต่อไปก็อาจจะฉกลาภสักการะอะไรก็แล้วแต่ แต่ตอนนี้ทำกันเป็นสัญลักณ์ว่ากำลังจะฉกอยู่ เพราะฉนั้นสมัยโบราณเขาทำกันไว้หมดแล้ว เรื่องจะฉกจะฉวยจะเอาสานุศิษย์ ลูกศิษย์ มาเป็นบริวารเยอะๆก็ต้องทำขลังทำศักดิ์สิทธิ์ ถ้าทำธรรมดาปกติก็ฉกไม่ได้ เลยต้องทำให้แลดูขลังหน่อย แค่นั้นแระประเดี๋ยวก็ไป
สาโรจน์ สว่างศรี จ.นนทบุรี