เมื่อวันที่ ( 20 พ.ย.66 ) เวลาประมาณ 22.45 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.(อยุธยา) นำโดย ร.ต.อ.เอกชัย ขุมเพ็ชร,ร.ต.อ.เชาวลิต สีดำ รอง สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.,ร.ต.อ.ประธาน จตุพันธ์,ร.ต.อ.ธีระยุทธ วันโสภา,ร.ต.อ.พิมาย อินทร์มั่น,ร.ต.ท.ทนงศักดิ์ ประทุมผาย รอง สว.(ป) ส.ทล.1 กก.1บก.ทล.,ด.ต.สมศักดิ์ จันทาทอง ผบ.หมู่ ส.ทล.1 กก.1บก.ทล. ได้สำรวจเส้นทาง บริเวณ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยพบรถยนต์จำนวน 3 – 4 คันจอดติดสัญญาณไฟแดง โดยสังเกตเห็นรถยนต์แต่ละคันมีน้ำหนักที่มากกว่ารถยนต์ปกติ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งสัญญาณไฟกระพริบสีแดงและใช้สัญญาณเสียงผ่านไมโครโฟนเรียกรถยนต์คันดังกล่าวให้หยุด แต่เมื่อรถคันดังกล่าวเห็นรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้ขับหลบหนีด้วยการเพิ่มความเร็วไปตามถนนหลวง ทล.347 แล้วขับขี่ย้อนศรด้วยความเร็วประมาณ 120-140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากสี่แยกไฟแดงทุ่งมะขามหย่อง จนไปถึงสี่แยกไฟแดงวรเชษฐ์ โดยได้ขับขี่หลบหนีด้วยความเร็วแซงซ้าย แซงขวารถคันอื่น อย่างกะทันหันประมาทหวาดเสียว จนเฉี่ยวชนรถยนต์ตรวจการของเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงได้รับความเสียหายจำนวน 2 คัน และขับชนอุปกรณ์หยุดรถทุ่นบกจนได้รับความเสียหาย พยายามขับเบียดรถตำรวจให้ลงข้างทางโดยไม่เกรงกลัวว่าจะก่อให้เกิดอันตราย
จนกระทั่งมาถึง บริเวณ กม.5-6 ทล.356 ต.บ้านรุน อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา จึงจอดเพราะรถความร้อนขึ้นหม้อน้ำรถรั่วไม่สามารถวิ่งต่อไปได้อีก ระยะทางหลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 10 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตนเพื่อขอตรวจสอบ โดยผู้ขับขี่ไม่ยอมเปิดประตูให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเมื่อเปิดประตูรถยนต์ออกมาพยายามใช้มือทั้ง 2 ข้างต่อสู่ขัดขวางการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
จากการสอบถามเบื้องต้นทราบชื่อ นายชยางกูร แซ่โซ่ง อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 53/3 หมู่ที่ 6 ต.เชียงทอง อ.วังเจ้า จ.ตาก เป็นคนขับขี่รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ TOYOTA REVO สีเทา ติดแผ่นป้ายทะเบียนหมายเลข 3ขธ-712 กรุงเทพมหานคร โดยมีผู้โดยสารนั่งมาในรถยนต์คันดังกล่าว จำนวน 10 คน ตำรวจจึงเชิญตัวมาสอบสวนโดยละเอียดอีกครั้งที่ สภ.พระนครพระนครศรีอยุธยา พบว่าผู้โดยสารที่โดยสารมากับรถคันดังกล่าว เป็นคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางแต่อย่างใดแสดง
จากการสอบถามนายชยางกูร แซ่โซ่ง คนขับรถให้การรับสารภาพว่า วันนี้ (20 พฤศจิกายน 2566) เวลาประมาณ 15.00 น. ได้รับการประสานจากชายไทย (ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง) ประสานงานให้ไปรับแรงานต่างด้าวที่บริเวณริมป่าข้างทาง อ.วังเจ้า จ.ตาก จำนวน 10 คน เพื่อไปส่งในพื้นที่ปลายทาง ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และ จ.ปทุมธานี โดยได้รับค่าจ้าง 10,000 บาท/ครั้ง ตนจึงได้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวบรรทุกแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองมาจริง และตนรู้ดีอยู่แล้วว่าแรงงานต่างด้าวทั้ง 10 คน ไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารแทนหนังสือเดินทางใดๆและยินยอมที่จะนำพามาส่งที่ปลายทาง จนกระทั่งมาถูกตำรวจทางหลวงเรียกตรวจสอบ ยอมรับว่าได้ทำแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว
จากการสอบถามผู้โดยสารซึ่งเป็นบุคคลต่างด้าว ผ่านล่ามแปลภาษาเมียนมาให้การยอมรับว่า ได้ลักลอบเดินทางเข้ามาในประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติและเดินข้ามมา ในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก และจะมีคนพาออกมาขึ้นรถที่นำพา เพื่อจะเข้ามาหางานทำในประเทศไทย โดยเสียค่าใช้จ่าย จำนวน 15,000-25,000 บาท ตำรวจจึงแจ้งข้อหานายชยางกูร แซ่โซ่ง คนขับรถ ฐาน “รู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม ,ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น , ขัดคำสั่งเจ้าพนักงานซึ่งสั่งการตามอำนาจที่มีกฎหมายให้ไว้ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้นโดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควรฯ,ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานหรือผู้ซึ่งต้องช่วยเจ้าพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติการตามหน้าที่”
ส่วนบุคคลต่างด้าว ฐาน “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” ควบคุมตัวพร้อมของกลางและนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป