สืบเนื่องจาก กก.1 บก.ทล.ได้มีการกวดขันจับกุมแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายและผู้นำพาในเส้นทางพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา อยู่บ่อยครั้ง พ.ต.อ.ศตวรรษ บุญมี ผกก.1 บก.ทล.จึงได้สั่งการให้มีการสืบสวนถึงเส้นทางที่มีการลักลอบขนคนต่างด้าวผิดกฎหมายเข้ามาในพื้นที่ชั้นใน โดยให้ ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.(อยุธยา) สืบสวนในพื้นที่รับผิดชอบ จนกระทั้งวันที่ ( 3 ตุลาคม 2566 ) เวลาประมาณ 20.00 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมนำโดย ร.ต.อ.เอกชัย ขุมเพ็ชร,ร.ต.อ.เชาวลิต สีดำ,ร.ต.อ.บุญส่ง บัวอุไร รอง สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.,ร.ต.ท.ประธาน จตุพันธ์,ร.ต.ท.ธีระยุทธ วันโสภา,ร.ต.ต.อัสนี ศรีจันทร์ รอง สว.(ป) ส.ทล.1 กก.1บก.ทล.,ด.ต.สมศักดิ์ จันทาทอง,ด.ต.วิชัย ตามสมัย,ด.ต.ยศภัทร อินต๊ะ,ด.ต.ประจักร แป้นสุวรรณ ผบ.หมู่ ส.ทล.1 กก.1บก.ทล. ได้สำรวจเส้นทาง บริเวณ อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา
พบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ ISUZU D-MAX สีขาว ติดแผ่นป้ายทะเบียนหมายเลข 7กต-314 กรุงเทพมหานคร ขับขี่ผ่านมาโดยมีน้ำหนักที่รถยนต์มากว่ารถยนต์ปกติ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งสัญญาณไฟกระพริบสีแดง และใช้สัญญาณเสียงเรียกรถยนต์คันดังกล่าวให้หยุด แต่เมื่อรถคันดังกล่าวเห็นรถยนต์ตำรวจขับติดตามมา จึงได้เพิ่มความเร็วขับหลบหนีไปตามถนนทางหลักและทางชนบท ด้วยความเร็วแซงซ้ายแซงขวารถคันอื่นมีการเปลี่ยนช่องทางเดินรถกะทันหันเป็นการขับขี่รถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียวไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามไปอย่างกระชั้นชิดรถยนต์คันดังกล่าวได้จอดบริเวณ กลางถนน หมู่ที่ 3 ต.บ้านกุ่ม อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีบุคคลลงจากรถยนต์ 5 – 8 คน และบุคคลดังกล่าววิ่งหนีเข้าไปในป่าหญ้าข้างทางที่รกร้าง หลังจากนั้นได้ขับต่อไปอีกประมาณ 500 เมตรและได้ให้บุคคลลงจากรถยนต์อีกประมาณ 2 – 3 คน จากนั้นได้ขับขี่เลี้ยวรถยนต์เข้าไปในบ้านของประชาชน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินไปหาที่รถยนต์ดังกล่าว พร้อมแสดงตนว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเรียกนายเก๊ง แซ่ว่าง อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33/ช หมู่ที่ 11 ต.เชียงทอง อ.วังเจ้า จ.ตาก (ผู้ขับขี่) รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ ISUZU D-MAX สีขาว พยายามขับขี่รถยนต์เดินหน้า-ถอยหลัง เพื่อจะหลบหนีต่อ โดยระยะทางหลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 20 กิโลเมตร
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเชิญนายเก๊ง แซ่ว่าง ลงจากรถยนต์ และได้สอบถามเบื้องต้น นายเก๊งฯ แจ้งว่าได้ขับขี่รถยนต์บรรทุกแรงงานต่างด้าวจำนวน 11 คน และจอดรถตามจุดให้แรงงานต่างด้าวลงจากรถยนต์และให้ไปหลบอยู่ที่ในป่าข้างทาง จากนั้นได้ให้นายเก๊งฯ พาไปตรวจสอบบริเวณดังกล่าว เบื้องต้นพบแรงงานต่างด้าวจำนวน 5 คน เดินออกมาจากบริเวณในป่าข้างทางที่มีนายเก๊งฯ เป็นคนจอดส่งลงจากรถ จากนั้นได้เชิญตัวนายเก๊งพร้อมแรงงานต่างด้าว 5 คนมา คันดังกล่าวมาตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียดอีกครั้งที่ สถานีตำรวจ สภ.บางบาล ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปทส.และ เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองที่ทำการปกครองอำเภอบางบาล พบว่าผู้ต้องหา 5 คน เป็นคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางแต่อย่างใดแสดง ซึ่งบุคคลต่างด้าวได้นั่งโดยสารมาในรถยนต์คันดังกล่าว
จากการสอบถามนายเก๊งฯ ผู้ขับให้การยอมรับว่าเมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. ได้รับการประสานจากชายเมียนมา (ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง) ประสานงานให้ไปรับแรงานต่างด้าวที่บริเวณ ป่าข้างทาง อ.เมืองตาก จ.ตาก จำนวน 11 คน เพื่อไปส่งในพื้นที่ปลายทาง ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร โดยได้รับค่าจ้าง 2,000 บาท/คน รับสารภาพว่าได้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวบรรทุกแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองมาจริง และตนรู้ดีอยู่แล้วว่าแรงงานต่างด้าวทั้ง 11 คน ไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารแทนหนังสือเดินทางใดๆและยินยอมที่จะนำพามาส่งที่ปลายทาง จนกระทั่งมาถูกตำรวจทางหลวงเรียกตรวจสอบ ทำแบบนี้มาแล้ว 3 ครั้ง เงินค่าจ้างที่ได้มาจะนำไปเที่ยวและใช้จ่ายต่างๆ
สอบถามบุคคลต่างด้าวผ่านล่ามแปลภาษาเมียนมา ให้การยอมรับว่า ได้ลักลอบเดินทางเข้ามาในประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติและเดินข้ามมา ในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก และจะมีคนพาออกมาขึ้นรถที่นำพา เพื่อจะเข้ามาหางานทำในประเทศไทย โดยเสียค่าใช้จ่าย จำนวน 13,000-20,000 บาท เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหา นายเก๊งฯ “รู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม” ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป