เมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ (22 ก.ค. 65 ) ร.ต.ท. (หญิง) ภักดิ์ชนก พรมจันทร์ รอง สว.( สอบสวน) สภ.อุทัย ได้รับแจ้งเกิดเหตุทะเลาะวิวาทกันบนถนนจนรถประสบอุบัติเหตุตกลงไปร่องกลาง เหตุเกิดบริเวณ ถนนสายเอเชีย หลักกิโลเมตรที่ 20 ช่วงลงสะพานกลับรถ ต.คลองข้าวเม่า อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา จึงประสานสายตรวจ ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุร่องกลางถนนพบ รถยนต์บรรทุก 4 ล้อ ส่วนบุคคล สีขาวหมายเลขทะเบียน 3ฒถ-4458 กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าตรวจรถได้รับความเสียหายเล็กน้อย เจ้าหน้าที่จึงได้ช่วยกันดึงรถขึ้นมาบนถนนแล้วเข้าหลบข้างทางเพื่อให้การจราจรผ่านไปได้
สอบถาม นาย ธนายงค์ (ขอสงวนนามสกุล) คนขับรถ เหล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่าตนเอง เป็นชาว จ.อ่างทอง ตนและแฟนสาว เดินทางมาซื้อของที่ อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ขับรถมาตามถนนเส้นทาง อุทัย-วัดสะแก เป็นถนนสองเลน วิ่งสวนทางกัน ระหว่างทางมีรถยนต์กระบะ ตอนเดียว ยี่ห้อ Toyota วีโว้ ป้ายแดง ขับตามหลังมาและจะแซงขึ้นขวา ตนเองขับช้าเพราะถนนแคบและเป็นหลุมเป็นบ่อ คู่กรณีจึงแซงไม่ได้ เพราะมีรถยนต์วิ่งสวนทาง กระบะ บีบแตรไล่มาตลอด จากนั้นรถยนต์กระบะคันดังกล่าวได้ขับแซงขึ้นไปได้ปาดจนจะเฉี่ยวรถของตน จากนั้นขับไปเรื่อยๆ มีจังหวะที่ตนแซงได้ รถยนต์กระบะคันดังกล่าว ได้ขับไล่ติดตามตนเองมาอีก แล้วปาดขวางรถของตน บริเวณหน้าวัดขุนทิพย์ อ.อุทัย
ตนจึงได้หยิบโทรศัพท์มือถือ ขึ้นมาถ่ายคลิป จากนั้นคนในรถซึ่งเป็นผู้ชาย 2 ผู้หญิง 1 คนเดิน ลงมาจากรถ โดยผู้หญิงได้ถือไม้เบสบอล ส่วนผู้ชายรูปร่างใหญ่ถอดเสื้อ เดินตรงที่ข้างรถตนเอง ด่าทอด้วยคำหยาบ แล้วทุบกระจกรถด้านข้างคนขับ หักที่ปัดหน้าฝน ส่วนหญิงสาวได้ใช้โทรศัพท์ถ่ายมือถือถ่ายไว้ด้วย อีกมือถือไม้เบสบอล และต่อว่าตนเองว่าทำไมขับรถแบบนี้ จนมีการโต้เถียงกันตนจึงถอยหลังรถหนี เพราะเห็นมีผู้ชายอีกคนลงมาจากรถถือกระเป๋าสะพายลงมาคิดว่าต้องเป็นอันตราย ระหว่างนั้นผู้หญิงได้ใช้ไม้เบสบอลทุบตีรถของตนเอง แล้วใช้มือผลักกระจกมองหลังจนเสียหาย ได้ให้แฟนโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ แล้วขับรถหลบหนีย้อนกลับมามุ่งหน้าถนนสายเอเชีย กระบะคู่กรณีได้ขับติดตามมา ปาดหน้ารถของตนจนรถเสียหลักตกลงข้างทาง กระบะคู่กรณีได้ขับหลบหนี ไป จนมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจเข้ามาระงับเหตุ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว ตนไม่ได้คิดหาเรื่องคู่กรณีที่คู่กรณีแซงขึ้นไปไม่ได้เพราะถนนเส้นนั้น มันแคบเป็นหลุมเป็นบ่อและเป็นถนนรถวิ่งสวนทางกัน แต่ทำไมถึงต้องมาหาเรื่องตนเองด้วย จึงจะนำคลิปมือถือที่ถ่ายไว้ได้ไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับคู่กรณี
สุรัตน์ ชัยกุลเทวินทร ผู้สื่อข่าว จ.พระนครศรีอยุธยา
