วันที่ (29 เม.ย.65 ) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายนพปทีพ เพชรรักษ์ อายุ 44 ปี อยู่ 50/7 ม.4 ต.บ่อแสน อ.ทับปุด จ.พังงา ว่า ตนเองต้องการสอบถามความคืบหน้า หลังเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพังงา ว่ามีกลุ่มชายฉกรรจ์ เป็นเจ้าหน้าทีตำรวจ เข้ามาภายในกระชังเลี้ยงปลาของตนเองที่ทำประมงพื้นบ้าน มีกระชังจำนวน 24 ห้อง แบ่งเป็นเลี้ยงปลากะพงขาว กระพงแดง หอยแมลงภู่ หอยนางรม กุ้งมังกร ปูดำ เลี้ยงมานานประมาณ 2 ปี กระทั่ง เมื่อวันที่ 18 เม.ย.65 เจ้าหน้าที่ชุดยาเสพติดเข้าตรวจค้นภายในกระชัง พบยาเสพติดยาบ้า จำนวน 1,800 เม็ด และ ยาไอซ์ 231 กรัม พร้อมผู้ต้องหา คือ นายอนุพงษ์ เพชรรักษ์ ซึ่งเป็นลูกจ้างเฝ้า และ เลี้ยงสัตว์น้ำในกระชังดังกล่าว หลังจากเจ้าหน้าที่เดินทางกลับ ทราบภายหลังว่ามีทรัพย์สินภายในกระชังสูญหาย เป็น กุ้งมังกร 130 ตัว ปูดำ จำนวน 50 ตัว นกกรงหัวจุก 4 ตัว เครื่องปั่นไฟ 1 เครื่อง อุปกรณ์ไฟโซล่าเซล หัวไฟล่อหมึก รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 200,000 บาท ซึ่งตนเองรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมเนื่องจากคดีความก็ว่ากันไป แต่ทรัพย์สินย์ส่วนที่เป็นกุ้งมังกร ปูดำ นกกรงหัวจุก ที่ทางเจ้าหน้าที่ยึดไปถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ตนขอยืนยันว่าตอนนี้ตนได้แจ้งความดำเนินคดี และปรึกษาทนายความพร้อมดำเนินการเอาเรื่องให้ถึงที่ โดยจะแจ้งเอาผิดกับชุดที่เข้ามาเอาทรัพย์สินของตน 3 ข้อหาคือ บุกรุก ลักทรัพย์และปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ด้าน นางปาริฉัตร ดำดี อายุ 37 ปี อยู่ 50/2 ม.4 ต.บ่อแสน อ.ทับปุด จ.พังงา ผู้อยู่ในเหตุการณ์ช่วงจับกุม ภรรยาผู้ถูกจับกุม กล่าวว่า ตนเองพร้อมสามีอาศัยเฝ้าดูแลรับจ้างกระชังของนายนพปทีพ อยู่นานประมาณ 5-6 เดือน ที่ผ่านมา วันที่ 18 เม.ย.65 เกิดเหตุกลุ่มคนเข้ามาที่กระชังได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด จากนั้นมีกลุ่มชายเข้ามาแสดงตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเข้าตรวจค้น พร้อมนำตัวสามี ตนเอง และลูกชาย เข้าสอบสวนที่ กองบังคับการตำรวจภูธรพังงา โดยปล่อยตัวตนเองและลูกชายในช่วงค่ำ จนพบว่าที่กระชังถูกเจ้าหน้าที่ค้นจนเสียหาย
ส่วนนายอนุคม เพชรรักษ์ ผู้อยู่ในเหตุการณ์ กล่าวว่า ขณะเจ้าหน้าที่ตรวจค้นตนเองนั่งเรือหาปูอยู่บริเวณป่าโกงกางใกล้ที่เกิดเหตุ เห็นเจ้าหน้าที่รื้อกระชังนำกุ้งมังกรและของในกระชังใส่ลังพลาสติกและถังขนขึ้นฝั่ง จึงมั่นใจว่าของที่หายในกระชังเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่
ด้าน เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนที่ร่วมจับกุม แจ้งสื่อมวลชนว่า การจับกุมดังกล่าว มีชุด ปปส. นายกเทศบาลตำบลบางเตย และฝ่ายอื่นร่วมด้วย พร้อมยืนยันว่าเจ้าหน้าที่มีเอกสารการตรวจยึดต่างๆ ส่วนหากผู้เสียหายสงสัยการจับกุมสามารถร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ทำตามกฎหมายทุกประการพร้อมมีพยานทั้งหมดในเรื่องนี้
พรชัย แซ่เอี๋ยว ผู้สื่อข่าวจังหวัดพังงา
