วันที่ (18 พ.ย. 64 ) ที่วัดพระพุทธบาทน้อย ต.สองคอน อ.แก่งคอย จ.สระบุรี เตรียมจัดงานประเพณีลอยกระทงและร่วมบุญใหญ่สร้างมณฑปครอบรอยพระพุทธบาทน้อย โดยมีชาวบ้านได้พร้อมใจกันมาร่วมจัดทำกระทงเทียนลอยน้ำและกระทงลอยฟ้ารวมทั้งจัดภูมิทัศน์ทั่วทั้งวัด ซึ่งจะมีในวันที่ 19 พ.ย. 2564 ส่วนวิธีการลอยกระทงลอยฟ้าจะนำ ลูกโป่ง มาผูกกับกระทง ภายในกระทงก็จะมีธูปเทียน และกระทงลอยน้ำจะเป็นกระทงเทียน จะเป็นกระทงที่มีลักษณะเป็นดอกบัว มี 7 สี นำไปลอยที่อ่างดอกบัว ซึ่งเปรียบเสมือนดังที่พระพุทธเจ้าพระประสูติออกมาแล้วเดินได้ 7 ก้าว กระทงลอยเทียนก็จะใหลวนไปอยู่ที่พระพุทธเจ้าน้อย ประสูติออกมาเดินได้ 7 ก้าว กระทงดอกบัว 7 ดอก
สำหรับประวัติของรอยพระพุทธบาทน้อยได้เขียนไว้ที่แผ่นหินอ่อนไว้ว่า รอยพระพุทธบาทน้อย ปรากฏได้เนื่องจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใช้พลังจิต เพ่งกสิณหินเป็นน้ำหรืออ่อนนุ่มแล้วประทับรอยปรากฏให้เห็นอธิษฐานให้เล็กใหญ่ได้ตามความปรารถนารอยพระพุทธบาทที่ปรากฏนี้เป็นรูปธรรมและนามธรรม มีพลังอานุภาพขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสถิตอยู่ เหตุนี้พระพุทธองค์ทรงเห็นว่าสถานที่นี้ เป็นที่สำคัญทางพระพุทธศาสนาจึงประทับรอยพระบาทไว้
รอยพระพุทธบาทน้อย มีขนาด กว้าง 1 ศอกเศษ ยาว 3 ศอก ประดิษฐานบนเนินเขา ท่ามกลางทัศนียภาพที่สวยงาม ภูเขาเงินยาวล้อมรอบ มีน้ำซับภายในรอยพระพุทธบาทและรายรอยไหลรินไม่เหือดแห้ง
พุทธศักราช 2403 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 พระองค์ทรงโปรดให้พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นพระอนุชาเสด็จมาเพื่อสร้างเมืองหลวงแห่งใหม่เนื่องจากกรุงเทพมหานครไม่ปลอดภัยจากการล่าอาณานิคมของชาวตะวันตก พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างพระบรมราชวังสีทา ที่หมู่บ้านสิทา ริมแม่น้ำป่าสัก ตำบลสองคอน อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี พระองค์ใช้เป็นที่ประทับพักผ่อนตอนเสด็จมานมัสการรอยพระพุทธบาทน้อยและนมัสการหลวงพ่อใหญ่ พระพุทธรูปโบราณ ประดิษฐานในถ้ำบนภูเขาพระพุทธบาทน้อย ปีพุทธศักราช 2461 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมาพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชการที่ 5 เสด็จนมัสการรอยพระพุทธบาทน้อยและนมัสการหลวงพ่อใหญ่ ทรงจารึกพระนามาภิไธย และลายพระหัตถ์ประทับไว้บนหน้าผาหิน ด้านหน้าประตูถ้ำหลวงพ่อใหญ่
จากนั้นพุทธศานิกชนที่ศรัทธาเลื่อมใส ต่างพากันจารึกรอนแรมมา สักการบูชาจากทั่วทิศานุทิศ เพื่อให้กระแสจิตเกิดความเคารพ ศรัทธาเลื่อมใส ต่างรำลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า “ธรรมจักรประกาศแล้วที่เขาแก้วสระบุรี” เป็นคำบอกกล่าวของศิษย์ปฏิบัติธรรมสายหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด สถานที่แห่งนี้ นับเป็นปูชนียสถานทางพระพุทธศาสนาที่สำคัญแห่งหนึ่งของไทยซึ่งมีหลักฐษน “ตำนานท้องถิ่นและสิ่งแวดล้อมสนับสนุน” สันนิษฐานได้ว่าเป็นสถานที่ ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงปฐมเทศนาในการโปรดปัญจวัคคีย์ ที่ป่าอิลิตนมฤคทายวัน
อานิสงส์ หากบุคคลใดไม่ว่าจะคฤหัสถ์หรือนักบวชมีความเลื่อมใส รอยพระพุทธบาทอันประเสริฐได้สร้าง ได้เขียน ได้ไหว้ และได้ฟังด้วยจิตปสาทะ ก็จะมีอานิสงส์มิอาจนับได้แล ก็จะพ้นเสียยังสรรพเคราะห์อุบาทว์ กังวนอันตรายทั้งมวล จะมอดไหม้หมดเสีย ยังบาปกรรมอันตนได้กระทำมานั้นแล และเป็นเหตุให้พ้นได้ว่ายรอดจอดถึงเวียงแก้ว กล่าวแล้วคือนิพพานโดยมิต้องสงสัย บทสวดในการบูชารอยพระพุทธบาทน้อย คือ ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร
นายดำริ กาวิละ ผู้ใหญ่บ้าน กล่าวว่า การจัดงานลอยกระทงปีนี้ เกิดจากชาวบ้านได้ร่วมแรงร่วมใจเพื่ออยากให้สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวของอำเภอแก่งคอยและเป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดสระบุรีก็อยากจะขอเชิญชวนประชาชนทั่วไปที่สนใจมาท่องเที่ยวชมภูมิทัศน์และกราบสักการะรอยพระพุทธบาทน้อย
พระเดชเดชะ วณัณวฑิฒโน (พระเดช)พระสงฆ์ผู้ดูแลรอยมณฑปพระพุทธบาทน้อย วัดพระพุทธบาทน้อย กล่าวว่า ในปีนี้ทางวัดพระพุทธบาทน้อยได้เชิญชวนชาวบ้าน หมู่ 10 ต.สองคอน อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ได้ร่วมแรงร่วมใจจัดทำกระทงต้อนรับในวันลอยกระทงซึ่งเป็นประเพณีประจำปี ปีละครั้งเราได้มาร่วมบุญกันเป็นประเพณีประจำ เพื่อรายได้ส่วนหนึ่งจะนำมาสร้างมณฑปครอบรอยพระพุทธบาทแห่งนี้ เพราะขณะนี้ยังขาดทุนทรัพย์ในการก่อสร้างอีกเยอะ จึงอยากจะขอเจริญพรสาธุชนมาร่วมกัน ร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อจะได้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ปีละครั้งนะโยมมาช่วยกัน ถือเป็นโอกาสดีที่โยมจะได้สร้างบุญสร้างกุศล ลอยกระทงร่วมกัน ได้ลอยทุกข์ ลอยโศก ลอยโรค ลอยภัยออกไปต่อไปจะได้มีความสุขความเจริญ ปรารถนาสิ่งใดก็ขอให้ประสบความสำเร็จ ทกข์โศกที่มีก็ขอให้ล่องลอยไปกับกระทงที่โยมได้ลอยไป แต่ก็ยังมีกระทงเทียนลอยน้ำกับกระทงฟ้า อยากขึ้นสวรรค์ไปบนฟ้าก็มาลอยกระทงฟ้าที่วัดพระพุทธบาทน้อย
เกียรติยง อัศวราศี จ.สระบุรี