วันที่ (25 ม.ค. 65 ) ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่บริเวณสถานธนานุบาล หรือโรงรับจำนำ เทศบาลเมืองพังงา มีประชาชนทยอยเข้าใช้บริการไม่ขาดสาย ส่วนใหญ่เข้าใช้บริการโดยนำทรัพย์สินเข้าจำนำเพื่อนำเงินสดออกมาใช้จ่าย หลังพบภาวะสินค้าบริโภคสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าเป็นของสด เช่น เนื้อหมู เนื้อไก่ ไข่ไก่ ผักสด น้ำมันพืช น้ำมันขนส่ง และยังมีแนวโน้มสินค้าอื่นมีราคาเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้นตามลำดับ ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่เมืองพังงา และพื้นที่ใกล้เคียงอาศัยแหล่งเงินเพื่อดำรงชีพ ขณะทางโรงรับจำนำเทศบาลเมืองพังงา ใช้มาตรการช่วยเหลือประชาชนโดยปลอดดอกเบี้ย 2 เดือน สำหรับผู้ที่นำทรัพย์สิน.ช้บริการไม่เกิน 5,000 บาท ส่วนที่เกิน 5,000 บาทจะคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 ซึ่งกำหนดอัตราดังกล่าวได้กำหนดไว้ตั้งแต่ช่วงสิ้นปี 2564 ที่ผ่านมา เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนในช่วงปีใหม่ จนถึง สิ้นเดือน มกราคม 2565 พร้อมเงินทุนหมุนเวียนจำนวน 43 ล้านบาท และสำรองเงินสดไว้จำนวน 15 ล้านบาท เพื่อบริการชาวพังงาในช่วงนี้ การลดปริมาณทรัพย์สินเข้าจำนำลง อาจเนื่องจากทรัพย์มูค่ามากกว่านี้ได้ถูกไถ่ถอนเพื่อขายขาดพร้อมนำเงินมาจับจ่ายภายในครัวเรือนเพิ่มมากขึ้น เห็นได้จากทรัพย์สินที่รับจำนำมีจำนวนลดน้อยลงมาก
ทาง น.ส.ณิชาภา หลิวปลอด ผู้จัดกาคสถานธนานุบาล เทศบาลเมืองพังงา กล่าวว่า จากค่าครองชีพสูงขึ้นขณะรายได้ลดลง ทำให้ลูกค้าที่เข้ารับบริการมีจำนวนลดลง หลายรายไม่มีทรัพย์สินเข้ารับจำนำ ซึ่งทาง โรงรับจำนำเทศบาลเมืองพังงาจึงได้ให้บริการประชาชนปลอดดอกเบี้ยนาน 2 เดือน ส่วนเดือนต่อไปคิดในอัตราร้อยละ 0.25
ขณะเดียวกัน นายสาวิทย์ ส่งเสมอ อายุ 28 ปี เจ้าของและช่างซ่อมจักรยานยนต์ ต.กระโสม อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา นำกล้องวงจรปิด 12 ตัว เพื่อให้เจ้าหน้าที่คิดมูลค่า ทรัพย์สินนำเงินใช้ในครอบครัว ซึ่งนายสายวิทย์ เล่าว่า ที่จำใจถอดกล้องวงจรปิดเข้าจำนำเนื่องจากมีลูกๆ จำนวน 5 คน ตนเองเปิดร้านซ่อมจักรยานยนต์ พอมีรายได้เลี้ยงครอบครัว กระทั่งปัจจุบันรายได้ลดหลังจากสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อโควิด และล่าสุดสินค้าบริโภคราคาสูงขึ้นต่อเนื่อง จึงต้องนำกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งภายในร้านซ่อมฯ เพื่อแปลงเป็นเงินสดใช้จ่ายเป็นค่าอาหารประทังชีวิตคนในครัวเรือนไปก่อน
ภาพ-ข่าว พรชัย แซ่เอี๋ยว จ.พังงา
ติดต่อโฆษณา โทร.0949608555