ผลกระทบจากแม่น้ำน่านล้นตลิ่งส่งผลชาวบ้านตำบลท่าฬ่อเมืองพิจิตรได้รับความเดือดร้อน หลังจากน้ำลดพบว่าเขื่อนกันแนวตลิ่งพังสร้างโดยกรมโยธาธิการผังเมืองเกิดการทรุดตัวชาวบ้านผวาเกรงบ้านที่อยู่ริมน้ำจะพังตามไปด้วย รวมตัวร้องทุกข์วิงวอนกรมโยธาฯช่วยดำเนินการหางบเร่งซ่อมแซมด่วน
วันที่ (1 พ.ย.65 ) นายทนงค์ คำเผื่อน นายกเทศบาลตำบลท่าฬ่อ , นายสิทธิพงษ์ แสงสมัย กำนันตำบลท่าฬ่อ , สจ.วีรวิชญ์ คำจริง “สจ.อนุศร” พร้อมด้วยชาวบ้านจำนวนหนึ่งรวมตัวกันร้องทุกข์ผ่านผู้สื่อข่าวและศูนย์ดำรงธรรมพิจิตร ว่าจากช่วงที่เกิดน้ำท่วมใหญ่ในช่วง 2-3 เดือน ที่ผ่านมา ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำน่านล้นตลิ่งที่บริเวณหมู่ 7 ต.ท่าฬ่อ อ.เมืองพิจิตร ซึ่งอยู่บริเวณหน้าวัดท่าฬ่อและย่านชุมชนริมน้ำ โดยบริเวณดังกล่าวกรมโยธาธิการและผังเมืองได้มีการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำน่านระยะทางยาวประมาณ 200 เมตร เพื่อให้เป็นแนวป้องกันน้ำกัดเซาะ รวมถึงเป็นพื้นที่ออกกำลังกายและส่งเสริมการท่องเที่ยว
แต่ปรากฎว่าเมื่อช่วงฤดูน้ำหลากที่ผ่านมา น้ำเอ่อล้นตลิ่ง และขณะนี้น้ำได้ลดลงแล้วจึงได้มองเห็นความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบริเวณทางเดินที่ก่อสร้างเรียงด้วยอิฐตัวหนอน น้ำได้กัดเซาะลึกเป็นโพรงขนาดใหญ่หลายจุดทำให้ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ดังกล่าวได้ อีกทั้งชาวบ้านก็ยังเกรงว่าหากไม่เร่งซ่อมแซมความเสียหายอาจบานปลายลุกลามถึงบ้านเรือนราษฎรที่เป็นชุมชนห้องแถวเรือนไม้เก่าแก่ของตลาดท่าฬ่อจึงได้ร้องทุกข์ดังกล่าว
ล่าสุด นายธนิต ภูมิถาวร หัวหน้าสำนักงานจังหวัดพิจิตร , นายนพดล เขม้นกิจ ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง อำเภอเมืองพิจิตร พร้อมด้วยตัวแทนของสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพิจิตร ได้ร่วมลงพื้นที่ดูความเสียหายที่เกิดขึ้นพร้อมกับให้ข้อมูลว่าเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำน่านแห่งนี้ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี 2558 พบเห็นความเสียหายเกิดขึ้นและเคยได้ทำหนังสือลงเมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2564 ไปยังกรมโยธาฯ รายงานความเสียหายที่เกิดขึ้น จากในช่วงนั้นและล่าสุด
จากเหตุการณ์น้ำท่วมของปี 65 ที่ผ่านมานี้ว่าความเสียหายมากเกินความสามารถของสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพิจิตร ที่จะพิจารณากำหนดรูปแบบการซ่อมแซมให้มีความมั่นคงได้ ซึ่งก็ได้ทำหนังสือถึงผู้อำนวยการกองบูรณะและบำรุงรักษากรมโยธาฯ ไปนานแล้ว แต่ครั้งนี้เกิดซ้ำขึ้นอีกและความเสียหายหนักมาก ซึ่งจะได้ทำเป็นหนังสือและส่งภาพถ่ายไปรายงานเพิ่มเติมเพื่อขอความช่วยเหลือจากกรมโยธาธิการฯ อีกครั้ง ซึ่งก็คาดว่าคงจะได้รับการพิจารณาช่วยเหลือซ่อมแซมให้มีความมั่นคงปลอดภัยใช้งานได้อย่างเดิมต่อไป
สิทธิพจน์ เกบุ้ย พิจิตร