เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ (29 ก.ย.66 )เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบจาก สภ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ได้ไปรับตัวนายพัน หรือ นายปิยะพงษ์ หนองเฆ่ ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดสิงห์บุรี ในข้อหาลักพาตัวเด็กชายมัว ไปตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2566 โดยหลอกว่าจะซื้อโทรศัพท์และนำตัวไปเป็นเวลา 12 วัน โดยเมื่อเดินทางมาถึงจังหวัดสิงห์บุรี เจ้าหน้าที่ได้นำตัวเด็กไปไว้ที่บ้านพักเด็กของสำนักงานพัฒนาความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสิงห์บุรี และนำตัวนายพัน มาควบคุมตัวไว้ที่ สภ.อินทร์บุรี ทันทีที่ญาติเด็กชายมัว ทราบเรื่องก็ได้เดินทางมาจาก จังหวัดตาก เพื่อมาดู น้องมัว และตัวคนร้ายตั้งแต่เมื่อตอนตีสามเช่นกัน
นายสพโชค แช่มใย อดีตกำนันตำบลชีน้ำร้าย หนึ่งในผู้ดูแลวัดโฉมศรีที่มีเด็กชาวเขามาพักและเรียนหนังสืออยู่ และหนึ่งในผู้ติดตามข่าวคนร้ายเล่าว่า เด็กโดนบังคับไม่ให้กลับมา เด็กจะกลับ นายพัน ก็ไม่ให้กลับ เอามีดจี้บ้าง ข่มขู่บ้าง ตีบ้าง และสุดท้าย นายพัน ได้พา น้องมัว ไปบ้านย่าของนายพันที่จ.ปราจีนบุรี ย่า ก็ให้ นายพัน นำเด็กไปคืนเขาซะ แต่ นายพัน ยังไม่ยอมมาคืน โดยบอกว่าจะไม่ให้ น้องมัว ได้เห็นหน้าพ่อแม่อีกเลย เด็กก็อยากจะกลับ เด็กได้ติดตามดูข่าวตลอด และพ่อของ น้องมัว ได้โทรศัพท์จากประเทศอิสราเอลติดต่อ นายพัน ได้ ได้ขอให้นำลูกตนมาส่ง แต่นายพันไม่ยอม ก่อนถูกจับ ไอ้พัน ได้เหมารถ 3 ล้อ จาก อ.กบินทร์บุรี ไป อ.ประจันตคาม ในราคา 300 บาท ก่อนที่จะมาถูกจับในที่สุด ก่อนถูกจับ ตำรวจพบเห็นนายพัน เดินอยู่ในตลาด เหตุที่ หลบเจ้าหน้าที่ตำรวจได้หลายวัน เพราะ นายพัน ใช้เวลาเดินทางในเวลากลางคืน ส่วนกลางวัน จะแอบนอนตามป่า เพราะรู้ว่าตำรวจตามอยู่
ผู้สื่อข่าวได้ถาม นายพัน ว่าเอาเด็กไปทำอะไรบ้าง นายพันไม่ตอบเมื่อถามว่าซื้อโทรศัพท์ให้เด็กไหม นายพันตอบว่าไม่ได้ซื้อ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวดำเนิคดีในข้อหา “พรากเด็ก อายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแล, พาเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเพื่อการอนาจาร กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ซึ่งมิใช่สามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม, ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพฯ, หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย” ต่อไป
จินตนา ปานมี ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สิงห์บุรี
