รถช๊อปเปอร์ ทั้งฮาเล่เดวิสสัน และพันธมิตร รวมตัวกันกว่า 150 คัน ขับจากถนนสมุทรสงคราม-บางแพร ตามท้องถนนเป็นแถวยาว เสียงท่อดังกระหึ่ม สร้างความเร้าใจ ไปทอดผ้าป่า ภายใต้ชื่อ ชาว 2 ล้อรวมใจทอดผ้าป่าสามัคคี ที่วัดไทร ตำบลกระดังงา อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม โดยมี พระสมุห์ธนพงษ์ กิตติวังโส เจ้าอาวาสวัดไทร พร้อมศิษยานุศิษย์ คอยต้องรับและอำนวยความสะดวก โดยคณะช๊อปเปอร์ ได้แห่พุ่มผ้าป่ารอบอุโบสถ 3 รอบ เข้าสู่ศาลาเอนกประสงค์ ถวายแด่เจ้าอาวาสวัดไทร เพื่อนำปัจจัยที่ได้จากทอดผ้าป่าครั้งนี่จะนำไปเป็นทุนในการบูรณะปฏิสังขรณ์ถาวรวัตถุในวัดที่ชำรุดทรุดโทรม ได้เงินทำบุญ รวม 505,105 บาท
นายทศวัฒน์ วงศ์สกุลธรรม อายุ 39 ปี ตัวแทนชาว 2 ล้อ (สัมฯ) กล่าวว่า วันนี้ชาว 2 ล้อ ฮาเล่เดวิสสัน และ พันธมิตรอีกหลายซีซี มาจากหลายจังหวัด มาร่วมด้วยช่วยกันหาเงินบำรุงวัด โดยที่มาวัดนี้เนื่องจากท่านเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันอดีตเป็นชาว 2 ล้อ มาก่อน จึงปรึกษากันทีมงานมาร่วทอดผ้าป่าวัดนี้
พระสมุห์ธนพงษ์ กิตติวังโส เจ้าอาวาสวัดไทร กล่าวว่า วัดไทร เป็นวัดโบราณเก่าแก่ ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้สร้าง จากสิ่งก่อนสร้างที่หลงเหลือตกทอดกันมา ทั้งที่ทรุดโรม รื้อถอน ปฏิสังขรณ์ใหม่และสร้างใหม่ ได้มีหลักฐานปรากฏอยู่ว่า สมัยโบราณเป็นวัดที่ใหญ่มากวัดหนึ่ง จากบันทึกเรื่องวัดในจังหวัดสมุทรสงคราม กล่าวว่าเป็นวัดร้างมาช้านาน จนกระทั้ง ขุนวิเศษฯ นายด่านมะขามเตี้ยพระเจดีย์ 3 องค์ ด้านติดต่อกับประเทศพม่าได้มาปฏิสังขรณ์ขึ้น เมื่อ พ.ศ.2023 วัดนี้จึงมีอายุมากกว่า 500 ปี นับตั้งแต่ขุนวิเศษฯ ได้ปฏิสังขรณ์วัดไว้ทำให้มีพระสงฆ์มาจำพรรษาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แต่ไม่ปรากฏว่ามีเจ้าอาวาสรูปใดได้ปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ คงอาศัยบอกบุญต่อทายกทายิกา ขอกำลังทรัพย์แลพให้พระลูกวัดช่วยกันซ่อมแซมกันเอง โดยมีพระศักดิ์ ฐิตธมฺโม เป็นหัวแรงสำคัญ จนกระทั้งท่านพระอธิการนวล มรณภาพ
หลังจาดที่พระอธิการนวลมรณภาพแล้วเจ้าอาวาสรูปต่อๆ มาได้ดำเนินตามท่าน ได้ปฏิสังขรณ์และสร้างสิ่งปลูกสร้างใหม่ สำเร็จไว้หลายอย่าง ตั้งแต่อุโบสถ วิหาร หอสวดมนต์ หอฉัน ศาลาการเปรียญ กุฏิสงฆ์ โรงควง (โรงที่มีเครื่องตีหนังสือใบลาน เพื่อที่จะได้จารหนังสือได้สะดวก) โรงจาร (โรงเขียนหนังสือ) ตลอดจนโรงเรียนสอนพระปริยัติธรรม และโรงเรียนประถมศึกษา โรงเรียนมัธยมศึกษา (ปัจจุบันโรงเรียนประถมศึกษาและโรงเรียนมัธยมศึกษาไม่มีแล้ว) สนี่เป็นภาพพจน์ของวัดไทรในอดีตถือได้ว่าเป็นวัดที่เจริญมากวัดหนึ่งในยุคนั้น
วัตถุโบราณของวัด จากบันทึกเมื่อ พ.ศ.2505 ระบุไว้ว่าสิ่งของบางอย่างได้ชำรุดผุพังไปตามสภาพความเก่าแก่ และมีโจรผู้ร้ายเข้ามาเจาะทำลาย เพื่อหาสมบัติ และได้ขโมยพระพุทธรูปโบราณเก่าแก่ไปหลายองค์ ทางวัดก็ได้มีการรื้อถอนอุโบสถเก่าแบบมหาอุด ก่อสร้างด้วยอิฐโบราณ หลังคามุงกระเบื้องราง หลังโบสถ์มีช่องลมรูปกากบาดเจาะลึกเข้าไปในกำแพง เจดีย์โบราณ 8 องค์ คู่มากับอุโบสถ ด้านหน้าอุโบสถ 4 องค์ และด้านหลังอุโบสถอีก 4 องค์ หน้าอุโบสถมีพระปรางค์สมัยอยุทธยาอยู่ 1 องค์ เจดีย์องค์ใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางวัด อายุประมาณ 300 ปี เหลือแต่ฐานล่างมีต้นโพธิ์ใหญ่ขึ้นบนฐานปกคลุมอยู่ พระประธานในอุโบสถเก่า 2 องค์ ปรางค์สมาธิหันหลังติดกัน องค์ให้หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก ตามแบบพระพุทธประธานทั่วๆไป องคืเล็กหันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันตก พร้อมด้วยพระอัครสาวกซ้าย-ขาว 4 องค์ มีพระปรางค์สมาธิแวดล้อมอยูอีก 17 องค์ รวมทั้งสิ้น 23 องค์ เป็นพระแกะสลักจากศิลาแลงทั้งสิ้น ปัจจุบันเหลืออยู่เพียงพระแวดล้อม 4 องค์ สันนิษฐานว่า เดิมวัดนี้อาจใช้ชื่อ “วัดไซ” เพราะมีป้ายชื่อวัดเก่าอยู่ที่วัด
นพพร บุญทนาวงศ์ จ.สมุทรสงคราม
